18 มิ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ( 17 มิ.ย. )  พ.ต.ท.วัชระ สมศรี สารวัตรสืบสวน ร.ต.อ.พิเชษฐ์ วิบุตร รองสารวัตรสืบสวน และกำลังตำรวจสืบสวน ได้นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบห้องแถวให้เช่าไม่มีเลขที่ ภายในริมถนน แม่น้ำซอย 7 หมู่ 4 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ที่ห้องแถวดังกล่าวมีหญิงสาวแอบลักลอบเปิดคลีนิคทำฟันจัดฟัน โดยไม่มีใบอนุญาต

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบและพบ นางสาวศศิพร รอบรู้ อายุ 24 ปี จากการตรวจสอบภายในห้องเช่าพบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับดัดฟัน และพบลวดจัดฟัน บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกจำนวน 8 ห่อ กาวยึดอุปกรณ์จัดฟันพร้อมหลอดฉีด เครื่องทำความสะอาดผิวฟัน เหล็กดึงยางจัดฟัน และอุปกรณ์สำหรับใช้ในสถานพยาบาล โดยเฉพาะอุปกรณ์สำหรับจัดฟันอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบใบอนุญาต แต่นางสาวศศิพร ไม่สามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยึดอุปกรณ์ทั้งหมด พร้อมควบคุมตัวนางสาวศศิพร รอบรู้ ไปสอบสวนที่ สภ.เกาะสมุย

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองเพิ่งทำการเปิดบริการจัดฟันแฟชั่นมาประมาณ 1 เดือนเศษ อุปกรณ์ทั้งหมดไปซื้อมาจากร้านจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนอุปกรณ์ในการจัดฟันได้สั่งมาจากร้านขายอุปกรณ์จัดฟัน 

นางสาวศศิพร  เปิดเผยอีกว่า การจัดฟันตนไม่ได้เรียนมาแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเอง ได้เคยทำงานในคลีนิคจัดฟันแห่งหนึ่ง พร้อมทำการศึกษาเรียนรู้ในการจัดฟันทำฟัน จากนั้นได้ลาออก และมาศึกษาวิธีการจัดฟัน-ดัดฟันด้วยตนเอง หลังจากที่ได้เรียนรู้จนเข้าใจ จึงได้ทำการเปิดร้าน และโปรโมทร้านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ผ่านมา มีลูกค้ามาใช้บริการไปแล้วจำนวนมาก โดยคิดราคาตามความสวยงามราคา ตั้งแต่ 300 - 800 บาท 

ด้านเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ เปิดประกอบธุรกิจ จำหน่ายอุปกรณ์จัดฟันแฟชั่นซึ่งเป็นสินค้าอันตราย โดยฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 1/2561 ซึ่งห้ามขายสินค้าเป็นการชั่วคราวหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ , ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ 2541 , ทำการประกอบวิชาชีพทันตกรรม หรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาต” ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป