วันที่ 21 มิถุนายน ที่โรงแรมเพชรรัตน์การ์เด้น อำเภอเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด มีพิธีเปิดโครงการจังหวัดใสสะอาดรัฐราษฎร์ร่วมตรวจสอบ โดยมี นายสมเกียรติ รัตนเมธาธร ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธาน มีผู้เข้าร่วมประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ ทั้งส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น รวมทั้งภาคีเครือข่ายภาคประชาชนและผู้เกี่ยวข้องรวมจำนวน 200 คน

 นายเสกสรรณ์ สมมาตย์  ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า สืบเนื่องจาก สถิติการรับเรื่องร้องเรียนของสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ดพบว่า เรื่องร้องเรียนการทุจริตส่วนใหญ่ที่ได้รับจะเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างเป็นอันดับแรกของราชการส่วนภูมิภาค และท้องถิ่นทั้งนี้เพราะการจัดซื้อจัดจ้างมีขั้นตอนต่างๆมีความเสี่ยงที่ผู้เกี่ยวข้องจะสามารถหาช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ได้ ตั้งแต่เริ่มโครงการ จนถึงสิ้นสุดโครงการ เช่นการคิดโครงการเอื้อประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้ใดผู้หนึ่ง หรือ ไม่การพิจารณาอนุมัติมีการเรียกรับเงิน ผลประโยชน์หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือกำหนดราคาสูงเกินความเป็นจริง มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้ประกอบการ จนถึงขั้นตอนการตรวจรับพัสดุหรือตรวจรับงานจ้าง มีเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์หรือตรวจรับไม่ถูกต้องไม่ครบถ้วน ตรวจรับโดยที่มีพัสดุที่จัดซื้อหรือทั้งที่หน่วยงานยังไม่แล้วเสร็จ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อการบริหารงาน และการเบิกจ่ายงบประมาณอันนำไปสู่ความเสียหายแก่ระบบราชการและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ประกอบกับ ปัจจุบันทุกส่วนราชการต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐพ. ศ. 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา

ดังนั้นทางสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดร้อยเอ็ด จึงเห็นความสำคัญดังกล่าว ที่ควรส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงาน ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ให้กับภาคประชาชน ได้มีส่วนร่วมช่วยกันสอดส่อง เฝ้าระวังดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้การดำเนินงานของภาครัฐเป็นไปด้วยความโปร่งใส โดยใช้วิธีการสังเกตที่ภาคประชาชน สามารถมีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัดจ้างได้ ซึ่งนอกจากประชาชนแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐในฐานะที่เป็นบุคลากรภายในหน่วยงาน ซึ่งมีโอกาสพบเห็นการทุจริตของบุคลากรภายในด้วยกันเองได้ดีกว่าประชาชน จะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดในเรื่องดังกล่าว และช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม อันจะนำไปสู่การปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพและส่งผลดีต่อความโปร่งใสขององค์กรให้สามารถตรวจสอบได้ต่อไป