ไม่ทำตามสัญญา! ‘น้องแบม ต้านโกง’ผิดหวัง ไม่ได้งานที่‘พม.’ตามที่ผู้ใหญ่รับปากต่อหน้าบิ๊กตู่

30 ส.ค.61 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) ขอนแก่น มอบใบประกาศเกียรติคุณแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2561 โดยคณะกรรมการคัดเลือกแม่ดีเด่นประจำปี 2561 ได้พิจารณาคัดเลือกนางน้อมจิตร ยศปัญญา อายุ 53 ปี มารดาของ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม ผู้ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลการทุจริตโครงการสงเคราะห์ผู้ป่วยยากไร้และผู้ป่วยโรคเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) จนมีการตรวจสอบและพบว่ามีการทุจริตจริงก่อนมีการขยายผลตรวจสอบไปในภาพรวมทั่วทั้งประเทศ ให้เป็นแม่ดีเด่นประจำปี 2561 หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา นางน้อมจิตรได้เข้ารับพระราชทานเข็มกลัดแม่ดีเด่นแห่งชาติปี 2561 ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ มาแล้ว

น.ส.ปณิดา เปิดเผยว่า หลังเรียนจบก็ได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยรังสิต ให้ทุนศึกษาต่อปริญญาโทฟรี ตามที่เคยแจ้งไว้ และได้ศึกษาต่อเทอมแรกที่วิทยาลัยนวัตกรรม สาขาผู้นำสังคม ธุรกิจและการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเรียนปริญญาโทดังกล่าวเรียนผ่านระบบออนไลน์ ไม่ต้องไปนั่งเรียนในห้องเรียน ดังนั้นตนจึงต้องหางานทำเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพและช่วยจุนเจือครอบครัว

น.ส.ปณิดา กล่าวอีกว่า หลังจากเรียนจบก็ได้ติดต่อไปยังผู้ใหญ่ที่เคยรับปาก เมื่อตอนเข้าพบท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอนนั้นผู้ใหญ่ท่านนี้บอกว่าหลังเรียนจบแล้วอยากทำงานอะไรให้โทรศัพท์แจ้ง ท่านจะให้ความช่วยเหลือ เมื่อโทร.ไปท่านก็บอกว่ารอสมัครสอบตามขั้นตอนราชการ หากผ่านข้อเขียนแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาคือว่า ณ ขณะนี้หน่วยงานราชการดังกล่าว ยังไม่มีตำแหน่งว่างต้องรอให้ว่าง และประกาศสอบแข่งขันก่อน ในส่วนแบงก์กรุงไทยที่เคยเสนองานให้นั้น ทางแบงก์พร้อมจะรับเข้าทำงาน แต่ต้องเข้าไปทำที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ตนก็ปฏิเสธไปเพราะไม่สะดวก ต้องดูแลพ่อแม่ที่บ้านเกิดขอนแก่น ยังไปทำงานไกลไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ตนได้รับโอกาสจากโรงแรมโฆษะขอนแก่น รับเข้าทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์ ถือเป็นความกรุณาของท่าน เพราะจริงๆแล้วในแผนกดังกล่าวไม่มีตำแหน่งว่าง แต่ท่านก็รับตนกับเพื่อนเข้าเป็นพนักงานเพื่อให้ได้มีรายได้เลี้ยงดูตัวองและช่วยเหลือครอบครัวไปพรางจนกว่าตนจะหางานที่มั่นคงและเป็นงานที่อยากทำได้

ส่วนกระทรวง หรือหน่วยงานราชการที่เคยแจ้งไว้ว่าจะรับเข้าทำงานนั้น ได้รับการติดต่อจากค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เพื่อรับเข้าทำงาน แต่เนื่องจากว่าปัจจุบันสุขภาพของบิดา มารดาไม่แข็งแรง บิดาต้องเดินทางไปพบแพทย์บ่อยครั้ง อีกทั้งมีความตั้งใจว่าอยากเป็นนักพัฒนาชุมชน ที่ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยากไร้ตามชนบท จึงไม่ได้เข้าทำงานตามที่ถูกเรียกตัว

“ได้ประสานไปยังผู้ใหญ่ในกระทรวง พม.ตามที่เคยรับปากไว้ต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เมื่อเรียนจบจะรับเข้าทำงานและถ้าพร้อมทำงานให้โทรศัพท์แจ้งได้ ซึ่งผู้ใหญ่ในกระทรวง พม.ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ เมื่อเคลียร์ทุกอย่างลงตัว จึงโทรศัพท์ไปหา พร้อมแจ้งความประสงค์ว่า อยากทำงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น แต่คำตอบที่ได้คือถ้ามีประกาศรับสมัครคนเข้าทำงานให้สมัครเข้ามาตามขั้นตอน และสอบตามขั้นตอน แต่ยังไม่ทราบว่าจะประกาศรับสมัครเมื่อใด คำตอบที่ได้ทั้งทางโทรศัพท์และทางไลน์ ทำให้รู้สึกว่าผู้ใหญ่ไม่ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ เพราะเมื่อเปรียบกับผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษรายอื่นๆ ตัวเองเหมือนถูกทอดทิ้ง ทำให้รู้สึกน้อยใจเหมือนกันที่ไม่เป็นไปตามที่หวังและที่ได้ยินจากปากของผู้ใหญ่ที่ได้กล่าวไว้ต่อหน้าผู้นำประเทศ” น.ส.ปณิดา กล่าว

น.ส.ปณิดา กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันครอบครัวยังต้องอยู่อย่างระมัดระวังตัวกว่าเดิม ถึงแม้การข่มขู่จากเสียงที่มองไม่เห็นไม่มีมานานแล้ว แต่ยังคงหวาดระแวง เพราะไม่รู้ว่าในสังคมที่เราเจอ มีใครเป็นมิตรหรือแอบแฝงอะไรอยู่ หรือไม่