หวั่นเข้าไทย!'อธิบดีปศุสัตว์'สั่งสกัดเข้มโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกรจากจีน (ชมคลิป)

วันพุธ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561, 14.46 น.

"อธิบดีปศุสัตว์"สั่งสกัดเข้ม! โรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกรจากจีน หวั่นเข้าไทย ทำลายระบบเศรษฐกิจเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดนก ชี้เป็นเชื้อไวรัสระบาดได้ง่ายๆ รวดเร็ว ฝักตัว1 สัปดาห์ แพร่กระจายไปกับสารคัดหลั่ง ติดมากับคนทางเสื้อผ้า อาหาร หากถึงฟาร์มสุกร ต้องทำลายกลบฝั่งทั้งหมด ระบุสนามบินนานาชาติทุกแห่ง ช่องทางเสี่ยงสุดนำโรคเข้าไทย ประสานทอท.เร่งหาเจ้าภาพจัดการเศษอาหารทุกชนิดจากเครื่องบิน มาจากประเทศจีน


12 ก.ย.61 ที่กรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้เรียกประชุมทุกหน่วยงาน พร้อมด้วยตัวแทนจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกร วางมาตรการป้องกันโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ไม่ให้แพร่ระบาดเข้าประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังระบาดรุนแรงในประเทศจีน มีการกระจายเชื้อไวรัส ในฟาร์มสุกร 15 จุด โดยโรคนี้ไม่ติดต่อสู่คน เหมือนโรคไข้หวัดนก แต่หากเกิดโรคขึ้นจะกระทบภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเช่นเดียวกัน

นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวว่าโรคนี้ยังไม่เคยพบในไทยแต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเฝ้าระวัง ซึ่งกำลังระบาดรุนแรงในจีน โดยไทยมีช่องทางและพื้นที่เสี่ยงของเชื้อโรคเข้ามาได้เร็วที่สุดคือสนามบินนานาชาติทุกแห่งของประเทศ และพื้นที่ตลอดแนวชายแดน ภาคเหนือ ภาคอีสาน  ได้ออกประกาศมาตรการห้ามนำซากสัตว์ ชื้นส่วนสัตว์ ผลิตภัณท์สุกร ห้ามนำเข้าจากจีน ในเวลา 90 วัน ซึ่งคำสั่งนี้จะสิ้นสุดเดือนพ.ย. จึงจะเสนอร่างออกกฎกระทรวงให้รมว.เกษตรฯลงนาม ห้ามนำเข้าซากสัตว์สุกรและผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องทุกชนิด จากประเทศจีนเลย เพื่อเป็นการปิดช่องโหว่ทั้งหมด

นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวว่าในวันนี้ทำหนังสือบริษัทท่าอากาศไทย การบินไทย กระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะการปฎิบัติทางน้ำแม่น้ำโขง ร่วมบูรณาการป้องกันโรค ซึ่งได้ถอดบทเรียน เส้นทางโรคที่เคยเกิดโรคระบาดในจีน จะลงมาตามเส้นทาง เข้าไทยทางใดบ้าง พร้อมกับประสานกับเพื่อนบ้าน เช่นเวียดนาม เมียนมา ลาว กัมพูชา ร่วมกันทำงานเป็นบัฟเฟอร์โซน หยุดการระบาดไว้ที่จีน ไม่ให้โรคเข้ามาในอาเซียน

"จะปิดรูโหว่ทั้งหมด สิ่งสำคัญเศษอาหารจากเครื่องบินเข้าไทย ที่ต้นทางประเทศจีน ต้องหาเจ้าภาพจัดการ ไม่ให้ไปเลี้ยงสุกร พร้อมกับประสานกระทรวงพาณิชย์ ไปตรวจสอบโกดังห้องเย็นต่างๆมีผลิตภัณฑ์สุกร โรคนี้ถ้าเกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรง เชื้อไวรัสตัวนี้เกิดจากหมูป่าแอฟริกา แพร่กระจายไปได้ง่ายๆหลายช่องทาง และทนทานในสิ่งแวดล้อม เช่นติดไปกับสารคัดหลั่ง อาหาร เสื้อผ้า หากเข้ามาไทยเพียง1 สัปดาห์เท่านั้นเกิดระบาดได้รวดเร็ว ดังนั้นเราควบคุมก่อน ไม่เข้าประเทศและวางมาตรการไว้ล่วงหน้าถ้าเกิดแล้วทำอย่างไร เพราะหากมีสุกรติดโรคต้องทำลายกลบฝั่งทั้งหมด เพราะระยะฝักตัวเร็วมากไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากเกิดโรคที่ใด ถ้าทั้งฝูงป่วยตาย 30% ให้สงสัยโรคนี้ไว้ก่อน โดยผู้เลี้ยงต้องเฝ้าระวังรีบแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่ ถ้าสุกรมีอาการสงสัย ผิวหนังเป็นจ้ำแดงสีม่วง เพื่อเข้าตรวจสอบโรคได้ทันที จะใช้มาตรการเดียวกับควบคุมโรคไข้หวัดนก จีงวางมาตรการเยียวยาชดเชยเกษตรกรไว้ด้วย" อธิบดีปศุสัตว์ กล่าว

นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวว่าได้รับสนับสนุนชุดทดสอบโรคจากเอกชน นำไปให้ศูนยวิจัยพัฒนาการสัตว จ.ลำปาง จ.สุรินทร์ เมื่อสงสัยโรคนำไปตรวจก่อน ขณะนี้เริ่มทำแล้วตรวจซากสุกร มาได้ ได้ผลเป็นลบ ยังไม่เจอโรค ซึ่งการเฝ้าระวังโรค คือ รู้โรคเร็ว สงบเร็ว หาความเสี่ยง ปิดรูรั่วทั้งหมด ได้สั่งด่านปศุสัตว์ไปประจำทุกพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะสนามบิน มีสุนัขดมกลิ่น ตรวจละเอียดมากขึ้น

สำหรับกรณีวัวตาย 3 - 4 ตัว ที่พื้นที่ภาคอีสาน ได้ส่งปศุสัตว์ตรวจแล้วรายงานเบื้องต้น พบว่าตายจากกินหญ้าที่มีสารเคมีฆ่าหญ้าตกค้าง โดยกำลังส่งไปตรวจว่าตายจากยาฆ่าหญ้าตระกูลไหน เป็นอากาโนฟอสเฟส หรืออากาโนคอนไรส์ ซี่งสารเหล่านี้จะผสมอยู่ใน พาราควอต ไกลโฟรเซต คอร์ไพริฟอส 3 สารพิษ ทำให้ระบบหายใจล้มเหลว ดังนั้นขอประชาชนห้ามนำไปชำแหละรับประทาน ให้ดูเคส วัวตายจากหมาย้ากัด จ.สุรินทร์ เจ้าของนำไปชำแหละแจกจ่ายชาวบ้าน ไปฉีดวัคซีนกว่า 300 คน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top