รองปลัดยธ.เผยทางรอด
‘สมรักษ์-เมีย’
ให้ทั้งคู่ยื่นขอประนอมหนี้
ตามคำแนะนำบิ๊กบังคับคดี
ยังไม่ล้มละลาย-พ้นราชการ
ทนายดังย้ำอยู่ที่เจ้าหนี้ด้วย
รองปลัดยธ.แนะ “สมรักษ์-ภรรยา” ทำตามคำแนะนำอธิบดีกรมบังคับคดี ยื่นขอประนอมหนี้ ชี้วันนี้ยังไม่เป็นบุคคลล้มละลาย จึงยังไม่ออกจากราชการ ด้านทนาย “เดชา” ย้ำ ต้องลุ้นความเห็นชอบจากฝ่ายเจ้าหนี้ด้วย
เมื่อวันที่ 23กันยายน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ข้อแนะนำท่านอธิบดีกรมบังคับคดีเป็นทางรอดที่เหมาะสมที่สุดแล้วครับ สำหรับกรณีคุณสมรักษ์ คำสิงห์ ที่จะไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ขอให้กำลังใจครับ” โดยสืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ได้ให้คำแนะนำต่อ ร.อ.สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยสากลสมัครเล่นฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทยปี2539และภรรยาคือ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ เรื่องการประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ หลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ พร้อมระบุว่า ร.อ.สมรักษ์และภรรยาไม่ใช่บุคคลล้มละลายนั้น ทั้งนี้ เพราะคำสั่งศาลที่ระบุให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการบังคับคดีล้มละลายเท่านั้น ต่อไปเจ้าพนักงานฯ จะออกหมายเรียก ร.อ.สมรักษ์ และภรรยามาทำการสอบสวนเรื่องทรัพย์สินภายในวันที่ 25 ก.ย. 2561 เนื่องจากกฎหมายได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์สามารถขอประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ได้
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า เบื้องต้นจะมีการสอบถาม ร.อ.สมรักษ์ และภรรยาถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่างๆ และถามความประสงค์ว่าจะประนอมหนี้หรือไม่ ไม่ได้หมายความว่าล้มละลายซึ่งจะเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ส่วนกรณีที่ ร.อ.สมรักษ์กล่าวว่ามีรายได้ตกเดือนละ 1แสนบาทจากงานในวงการบันเทิงนั้นจะต้องส่งให้กับพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทั้งหมดโดยจะแบ่งออกเป็น 2ส่วน ส่วนหนึ่งคือนำไปใช้หนี้ กับอีกส่วนมอบให้สมรักษ์และภรรยาในกรณีที่ทั้งคู่เรียกร้องค่าเลี้ยงชีพจากพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทั้งนี้หลังจากศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานทำการพิทักษ์ทรัพย์จะทำให้สมรักษ์ต้องออกจากราชการหรือไม่นั้น หากมองด้านการบังคับคดีแล้วสมรักษ์ยังไม่ใช่บุคคลล้มละลาย ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของข้าราชการทหารเรือ เพราะคำสั่งศาลที่ระบุให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้เป็นบุคคลล้มละลาย
ขณะที่นายพีระ อัครวัตร รองอธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า ตามขั้นตอนแล้วหากลูกหนี้ตกลงที่จะประนอมหนี้ เจ้าพนักงานที่ทำหน้าที่รวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งหมดเพื่อที่จะแบ่งให้กับเจ้าหนี้ จะเรียกทั้งสองฝ่ายมาตกลงการผ่อนชำระเงิน ตั้งแต่ระยะเวลาในการผ่อนชำระและวงเงินที่จะผ่อนชำระในแต่ละเดือน จากนั้นจึงจะรายงานต่อศาลเพื่อทำการไต่สวน หากศาลเห็นชอบตามข้อตกลงจะได้ปลดจากการล้มละลาย แต่หากเจ้าหนี้และลูกหนี้ไม่บรรลุข้อตกลงก็จำเป็นที่จะต้องยึดทรัพย์ลูกหนี้ทั้งหมด เพื่อนำไปชำระให้กับเจ้าหนี้และพิพากษาเป็นบุคคลล้มละลาย
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงการบังคับคดีล้มละลายในคดี น.อ.สมรักษ์ คำสิงห์ ว่า ขณะนี้ น.อ.สมรักษ์ ยังไม่ถือเป็นบุคคลล้มละลาย และยังอยู่ในระหว่างการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่ พิทักษ์ทรัพย์ได้นัดหมาย น.อ.สมรักษ์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน กิจการ หรือรายได้ที่มีทั้งหมด และหนี้สิน และสอบถามความต้องการ เปิดโอกาสให้ประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย ในวันที่ 25 กันยายนนี้ หากเข้าร่วมการประนอมหนี้ ทางศาลก็จะเรียก ประชุมเจ้าหนี้ เพื่อเจรจากำหนด ระยะเวลาการชำระหนี้สิน ซึ่งตามกฎหมาย การล้มละลายในส่วนของบุคคล เจ้าหนี้จะมีการฟ้องร้องบุคคลที่มีหนี้สินล้มพ้นตัวได้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องมีหนี้สินล้นพ้นตัวตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับกรณีที่น.อ.สมรักษ์ รับราชการ นั้น นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า ไม่มีส่วนได้รับผลกระทบ แม้ตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน จะกำหนดลักษณะต้องห้ามการรับราชการ ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย เพราะขณะนี้ยังอยู่กระบวนการพิทักษ์ทรัพย์ หากตกลงกันได้ ก็ไม่อาจเป็นบุคคลล้มละลาย และการพิจารณาการเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ นอกจากดูเรื่องทรัพย์สิน ธุรกิจ หนี้สิน ยังครอบคลุมถึงเรื่องวินัยทางการเงินด้วย
ด้าน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดัง เจ้าของเพจ “ทนายคลายทุกข์” ให้ความเห็นกรณี “สมรักษ์ คำสิงห์”ภรรยาคือ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ ถูกฟ้องล้มละลาย พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โดยทนายเดชา กล่าวว่า การที่ท่านถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วนั้น ท่านก็ไม่มีอำนาจจัดการทรัพย์สินของตนเอง แต่จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นได้ เมื่อถูกพิทักษ์ทรัพย์เรียบร้อยแล้ว “ลูกหนี้ยังพอมีทางออก” โดยการยื่นคำขอประนอมหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 45 หลังจากนั้นถ้าที่ประชุมเจ้าหนี้ยอมรับ ด้วยมติพิเศษ ตามมาตรา 6 และมาตรา46 ศาลก็จะไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยตามมาตรา 51 ถ้าศาลเห็นชอบกับการประนอมหนี้ของ สมรักษ์และภริยา ลูกหนี้ก็จะหลุดพ้นจากหนี้เดิมมาผูกพันตามหนี้ในคำขอประนอมหนี้ แล้วก็จะทำให้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดนั้นเป็นอันยกเลิกไปในตัว เท่ากับว่าจะกลับมามีอำนาจจัดการทรัพย์สิน จะไม่เป็นบุคคลล้มละลาย สมรักษ์ ก็ไม่ต้องถูกออกจากราชการ
“ที่ผ่านมาศาลฎีกาเคยตัดสินไว้แล้วในคดีลักษณะนี้ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 2649/2541 เพราะฉะนั้น สมรักษ์ ก็ยังมีโอกาสรับราชการในกองทัพเรือต่อไป แต่มีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก ก็เป็นบทเรียนครั้งสำคัญสำหรับ สมรักษ์ คำสิงห์ ที่ไปทำธุรกิจที่ไม่ถนัดจนเกิดหนี้สิน” ทนายความชื่อดังเจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี