รมว.เกษตรฯปล่อยพันธุ์ปลาสู่ทุ่งรับน้ำบางระกำ สร้างอาชีพประมงเสริมรายได้ พร้อมหนุนโครงการปลูกข้าวโพดหลังนา ลดปริมาณข้าวล้นตลาด ชี้มีรายได้ดีกว่าทำนาปรัง รัฐบาลตั้งเป้าทำให้คุณภาพชีวิตเกษตรกรดีขึ้นทุกครัวเรือน
28 ก.ย.61 นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดน้ำเข้าทุ่งบางระกำ และติดตามผลการดำเนินโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อย ผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2561/62 จ.พิษณุโลก
โดย นายกฤษฎา กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการบริหารจัดการน้ำแบบชุมชนมีส่วนร่วม และการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ จ.สุโขทัย และ จ.พิษณุโลก จึงได้มอบหมายให้กรมชลประทานและหน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกัน ในการปรับแผนการเพาะปลูกพืชนาปีในพื้นที่ลุ่มต่ำจนประสบผลสำเร็จนำไปสู่การขยายผลในปีนี้ ภายใต้โครงการ "บางระกำโมเดล 61" จากพื้นที่ 265,000 ไร่ ให้ขยายผลเพิ่มขึ้นเป็น อีก 117,000 ไร่ เป็น 382,000 ไร่ โดยปรับแผนการส่งน้ำสำหรับเพาะปลูกข้าวในเดือน เม.ย.และให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือน ก.ค.เพื่อไม่ให้พื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติรองรับน้ำในฤดูน้ำหลากได้ถึง 550 ล้านลูกบาศก์เมตร
พร้อมกันนี้ กรมประมงได้นำพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ มาปล่อยลงสู่ทุ่งบางระกำ กว่า 1 ล้านตัว เพื่อให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปได้มีอาชีพเสริมจากการจับปลา หรือแปรรูปอาหารออกจำหน่าย รวมทั้งสามารถนำไปบริโภคเองได้ด้วย พร้อมกันนี้ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรในโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อย ผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2561/62 ซึ่งเป็นเกษตรกรในอำเภอพรหมพิราม 13,752 ครัวเรือน ครบคลุมพื้นที่ปลูก 318,692 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว
โดยเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี รอบที่ 1 ปีการผลิต 2561/62 ซึ่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว เป็นกลุ่มข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวปทุมธานี1 และข้าวเจ้า ได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ตามพื้นที่ปลูกจริงไม่เกิน 12 ไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 18,000 บาท และพื้นที่เพาะปลูกไม่ซ้ำซ้อนกับพื้นที่เสียหายจากภัยธรรมชาติที่ได้รับเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติไร่ละ 1,113 บาท ยกเว้นกรณีนำไปเพาะปลูกใหม่ในช่วงเวลาการเพาะปลูกรอบที่ 1 โดยจะได้รับเงินไม่เกินพื้นที่เพาะปลูกจริงและไม่เกินพื้นที่ประสบภัย
นายกฤษฎา กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดแทนการทำนาปรัง ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลของปริมาณผลผลิตข้าวซึ่งมีมากเกินความต้องการของตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ ขณะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังไม่เพียงพอใช้ในประเทศจึงขายได้ราคาดีกว่าข้าว โดยจะดำเนินการในพื้นที่นาเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานที่มีความเหมาะสม ตาม Zoning by Agri - Map ของกรมพัฒนาที่ดิน รวมพื้นที่ 2 ล้านไร่ ใน 33 จังหวัด โดยมีมาตรการจูงใจให้กับเกษตรกร ด้วยการจัดหาปัจจัยการผลิตและการเตรียมดิน โดยจะให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเป็นผู้ที่สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตตร (ธ.ก.ส.) ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายทำประกันภัยพืชผล ค่าเบี้ยประกันภัยไร่ละ 65 บาท ซึ่งรัฐจะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยให้ส่วนหนึ่ง
สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นหัวหน้าครัวเรือนในทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมีความประสงค์ปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวมาเป็นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในนาช่วงฤดูแล้ง โดยพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการต้องอยู่ในเขตชลประทาน หรือพื้นที่นอกเขตชลประทานที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำและอยู่ในพื้นที่ที่โครงการกำหนด ทั้งนี้ เกษตรกรต้องมีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส.ยกเว้นเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกร และมีความประสงค์ขอรับสินเชื่อจากสถาบันเกษตรกรที่ตนเองเป็นสมาชิก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี