'กฤษฏา'ลั่นไม่ลอยแพชาวนา เลิกทำนาปรังรอบสอง กว่า 2.8 ล้านไร่ มาปลูกข้าวโพด ยืนยันหาเอกชนรับซื้อทุกเมล็ด จี้ขรก.ให้ข้อมูลเกษตรกรก่อนตัดสินใจ ระบุพื้นที่ใดไม่มีเอกชน เข้าทำสัญญารับซื้อภายในเดือนนี้ จะยกเลิกทันที ประกาศไม่ยอมให้เกษตรกรต้องเจ๊งอีกต่อไป"
2 ต.ค.61 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์ ไปถึงข้าราชการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ว่าในเดือนนี้ให้เร่งรัดลงพื้นที่ เชิญชวนเกษตรกรเข้าโครงการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาปี 2561 เพื่อลดปลูกข้าวนาปรัง รอบสองรอบสามให้ได้ ในพื้นที่ไม่เหมาะสมปลูกข้าวกว่า 2.8 ล้านไร่ 33 จังหวัด ซึ่งให้ปลูกช้าวโพดในเดือนพ.ย.นี้ รัฐบาล สนับสนุนสินเชื่อผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ อัตรา4 % ต่อปี ซึ่งรัฐอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ให้ 3.99 %ต่อปี ระยะ 6 เดือน ให้กู้ค่าปัจจัยการผลิตและเตรียมแปลง รายละ15 ไร่ๆละ2 พันบาทโดยเกษตกรเสียดอกเบี้ยต่ำในอัตรา0.01%
โครงการนี้จะเป็นการปฎิรูปภาคเกษตรอย่างเห็นผลลงสู่พื้นที่โดยการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการภาคการเกษตรของไทย ด้วยการวางแผนการผลิตทางการเกษตรของประเทศ (Agriculture Production Plan)โดยมอบหมายสหกรณ์จังหวัด สหกรณ์การเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชน ชักชวนเกษตรกรสมาชิกเพาะปลูกระบบเกษตรแปลงใหญ่ ทั้งนี้กำชับให้เกษตรอำเภอนำเรื่อง การเชิญชวนชาวนา ปลูกพืชอื่นๆ แทนการทำนาปรังเข้าประชุมชี้แจงที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านภายในเดือนตุลาคมนี้
จากนั้นให้เกษตรจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่และตัวแทนภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการส่งคณะวิทยากรจัดการอบรมให้ความรู้ในการปลูกข้าวโพด การลดต้นทุน และการดูแลรักษาแปลง จนถึงการเก็บเกี่ยว มีเอกชนมารับซื้อราคาประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ผูดขาดกับรายใดโดยราคารับซื้อข้าวโพดเบอร์ 2 ความชื้นไม่เกิน 14.5% ขั้นต่ำกิโลกรัมละ 8 บาท โดยรัฐบาล ให้งบสนับสนุนเบี้ยประกันภัย 65 บาทต่อไร่ ซึ่งจะได้รับเพิ่มเติมจากเงินชดเชยกรณีเกิดสาธารณภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังเพิ่มเติมอีกไร่ละ 1,500 บาท
นายกฤษฏา กล่าวว่าต้องให้ความมั่นใจเกษตรกรในด้านการตลาด โครงการนี้รับซื้อผลผลิตทุกเมล็ด จะมีคณะอำนวยการของกระทรวงเกษตรฯ ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งภาคเอกชนเพื่อเข้าไปทำสัญญารับซื้อข้าวโพดล่วงหน้ากับเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรอย่างเป็นธรรม ตามพ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรพันธสัญญา พ.ศ.2560 ซึ่งจะต้องระบุข้อตกลงในรายละเอียดการทำสัญญารับซื้อให้ชัดเจนทั้งราคารับซื้อ จุดรับซื้อ จำนวนและคุณภาพข้าวโพดที่จะรับซื้อรวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ ให้แบ่งพื้นที่ออกเป็นภาคหรือกลุ่มจังหวัด แล้วให้เอกชนแต่ละรายเข้าไปทำสัญญารับซื้อ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า กระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้เอื้อแก่เอกชนรายใดรายหนึ่งให้ผูกขาดหรือเอาเปรียบเกษตรกร
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องลงไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาและเงื่อนไขการรับซื้อผลผลิตรวมทั้งปริมาณความต้องการผลผลิตของตลาดก่อนตัดสินใจลงมือเพาะปลูก ดังนั้นหากภายในเดือนตุลาคมนี้ พื้นที่ใดยังไม่มีภาคเอกชนเข้าไปทำสัญญารับซื้อข้าวโพดตามหลักการที่ได้กำหนดไว้ ให้ยกเลิกโครงการในพื้นที่นั้นๆ เพราะผมจะไม่ยอมให้เกษตรกรทำการเกษตรขาดทุนเป็นหนี้สินแล้วเจ๊งอีกต่อไป" รมว.เกษตรฯกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี