คำขวัญวันเด็กวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556 โดย นายกรัฐมนตรี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีว่า “รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน” เด็กๆ คงจะพอจำคำขวัญวันเด็กที่ 14 มกราคม ปี พ.ศ. 2555 โดย นายกรัฐมนตรีคนเดียวกันนี้ว่า “สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี” แม้จะเป็นการเน้นความสามัคคี แต่คนไทยยังแตกแยกทั้งทางการแสดงความเห็นและการกระทำอย่างไม่คิดถึงบ้านเมืองเลย
แพทย์หญิงประคอง วิทยาศัย กล่าวว่า ความจริงประวัติการจัดงานวันเด็กมีมาตั้งแต่ 2498 โดยจัดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม เป็นต้นมา แต่คำขวัญวันเด็กนั้นเริ่มมีตั้งแต่ปี 2499 ในสมัยจอมพล ป.พิบูล สงคราม โดยมีคำขวัญวันเด็กครั้งแรกว่า “จงบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีคำขวัญวันเด็กอีกจนถึงปี 2502” โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้เป็นผู้เห็นความสำคัญของเด็กว่า เด็กมีสิทธิและหน้าที่จะต้องรับผิดชอบ มีระเบียบ มีวินัย ทั้งต่อตนเอง สังคม และชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคิดสำหรับเด็ก (ซึ่งในระยะนั้นอยู่ในสมัยปฏิวัติ) จนถึง 2506 ดังนี้ :-
พ.ศ.2502 ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
พ.ศ.2503 ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
พ.ศ.2504 ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
พ.ศ.2505 ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่ประหยัด
พ.ศ.2506 ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร
ปี 2507 งดจัดงานวันเด็ก เพราะย้ายวันเด็กไปเป็นเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม (ซึ่งผ่านวันกำหนดใหม่ไปแล้ว) จึงไม่มีคำขวัญวันเด็กอยู่ปีเดียว หลังจากนั้นก็มีการจัดงานวันเด็ก และมีคำขวัญจากนายกรัฐมนตรีจนถึงปัจจุบัน
แต่ถ้าเรามีโอกาสย้อนกลับไปดูคำขวัญวันเด็กในอดีต ก็จะแตกต่างกันไปไม่มาก นายกรัฐมนตรีส่วนใหญ่เน้นให้เด็กมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ ประพฤติดี เรียบร้อย ขยัน พากเพียร อดทน สามัคคี ประหยัด มีวินัย รักความก้าวหน้า เรียนดี เชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักพ่อแม่ หลีกให้ไกลยาเสพติด ร่วมใจพัฒนารักษาสิ่งแวดล้อม และดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง
ระยะหลังๆ นายกรัฐมนตรีบางคนจะเน้นเรื่อง ความฉลาด ความกล้าคิด กล้าพูด และเน้นเทคโนโลยีซึ่งอาจจะเน้นมากไปหน่อย แต่เด็กๆ นิยมทำตามมากที่สุด เช่น การมีมือถือ การเล่นคอมพิวเตอร์ เด็กไทยจำนวนไม่น้อยเน้นการเล่นเกมส์ที่รุนแรง การเล่น Internet ซึ่งแทนที่จะใช้ค้นคว้าหาความรู้ กลับไปคลั่งไคล้การแชต การเปิดดู web โป๊ หรือ คลิปโป๊ (เด็กบางคนเป็นคนโพสต์สื่อลามก ลงใน web เสียเอง) นอกจากนี้เยาวชนยังมีพฤติกรรมเลียนแบบที่เห็นในสื่อต่างๆ เช่นแต่งตัวยั่วยุตามดาราที่แต่งตัวล่อเสือ ล่อตะเข้ มีการดื่มสุรามากขึ้น (เมาสุรา ขาดสติ ติดเอดส์) รวมทั้งเหล้าปั่น ซึ่งไม่น่าจะให้ขายเลย แต่ก็ยังไม่มีจังหวัดใดกล้าริเริ่ม ถ้าเชียงใหม่เริ่มก่อนคงจะดีไม่น้อย
หมอทำเรื่องเอดส์มานาน 26 ปี หมอต้องขอยกย่องนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งคือ ชวน หลีกภัย ตอนท่านเป็นนายกรัฐมนตรียุคแรก ท่านที่เป็นประธานในการประชุมกรรมการเอดส์ชาติทุกครั้ง และเป็นผู้ที่สนับสนุนการรณรงค์เอดส์อย่างจริงจัง ทำให้มูลนิธิเกื้อดรุณได้มีโอกาสผลิตสื่อเอดส์ และได้รณรงค์เอดส์ อีกทั้งท่านให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กระจายงบรณรงค์เอดส์ให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม รวมทั้งองค์กรเอกชน จึงทำให้มีการรณรงค์เอดส์กันแพร่หลาย เป็นเหตุให้อัตราการระบาดของเอดส์ในไทยลดลงอย่างเป็นรูปธรรม
ระยะแรกมีการละเมิดสิทธิผู้ติดเชื้อเอดส์มาก ทางอัยการสูงสุดคุ้มครองสิทธิ์ จึงได้ริเริ่มดำเนินการให้ไม่ต้องรายงานผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการมาตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ทำให้ผู้ติดเชื้อถูกละเมิดสิทธิ์น้อยลง แต่ก็ยังคงพบได้ ที่น่าเป็นห่วงรัฐกลับตัดงบรณรงค์เอดส์ลงเรื่อยๆ งบเอดส์ก็ไม่ได้อยู่ในสำนักนายกอีกต่อไป ทางสาธารณสุขก็เน้นงบเอดส์ไปที่การรักษา ทำให้มีการระบาดของเชื้อเอดส์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ชายรักชาย และหญิงติดเอดส์จากสามีหรือคนรัก
มีรายการสัมภาษณ์ผู้บริหารของ สธ. เมื่อกลางปี 2551 ว่าประเทศไทยมีเยาวชนติดเอดส์แล้ว 180,000+ คน (ที่ยังไม่ทราบ ไม่รู้อีกเท่าไร) จาก spot TV เรื่องวัยรุ่นคิดไว้ก่อนเมื่อ 2 ปีก่อน มีเนื้อความว่าวัยรุ่นชวนกันไปบ้าน แต่ผู้หญิงก็ฉุกคิดว่า ขณะนี้มีการติดเชื้อเอดส์ไปแล้ว 500,000 คน เธอจะเป็นคนที่ 500,001 หรือไม่? หมอคิดว่า 500,000 คนเป็นเยาวชน เพราะถ้านับผู้ติดเชื้อ HIV ในประเทศไทยก็เกินล้านกว่าไปนานแล้ว ถึงวันเด็กปีนี้ (12 มกราคม 2556) เยาวชนคงติดเอดส์เพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะสื่อยั่วยุยังมีมากขึ้น เยาวชนแต่งตัวยั่วยุ ใส่กระโปรงสั้น ใส่เสื้อรัดติ้ว หรือไม่ก็ใส่เกาะอก สายเดี่ยว สายคู่ ซีทรู วันพีซ ทูพีซ ที่เห็นทั่วไปตามหนังสือพิมพ์ นิตยสาร VCD/DVD และ internet เยาวชนเรียนพิเศษหรือไปเที่ยวดึก มีค่านิยมที่มีเพศสัมพันธ์กันเป็นเรื่องธรรมดา อีกทั้งมีแฟน มีกิ๊ก มีควิ๊ก (ควาย+กิ๊ก : ควิ๊ก ตามที่ท่าน ว.วชิระเมธี เคยพูดใน TV ช่อง 5 ในรายการที่นี่ประเทศไทย) การเปลี่ยนคู่เป็นเรื่องปกติ ซ้ำยังใส่ถุงยางน้อยมาก ทั้งๆ ที่ถุงยางอนามัยเป็นวิธีเดียวของการคุมกำเนิดที่ป้องกันเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ เยาวชนจึงติดเชื้อเอดส์มากขึ้นอย่างน่าห่วง อีกทั้งสังคมไทยขณะนี้สื่อตีข่าวร้ายเกือบตลอด เช่น ข่าวข่มขืน บางคนข่มขืนและฆ่าด้วย ไม่ทราบว่าจริยธรรม คุณธรรมของคนหายไปไหน? รัฐควรกลับมาเน้นการสอนให้เยาวชนมีศีลธรรม และเน้นให้เด็กรู้จักให้ คือมีจิตสาธารณะ ไม่ใช่เน้นเรื่องการมีเงิน มีทอง เพื่อจะได้ซื้อสิ่งที่ต้องการ กลับทำให้มีการค้ายาเสพติดมากขึ้น และหากเป็นไปได้ สื่อควรออกข่าวการค้ายาเสพติดน้อยลง หรืออยู่ในกรอบเล็กๆ น่าจะดีกว่า
ระยะหลังทาง สธ. แจกถุงยางปีละ 20 ล้านชิ้น น้อยมากเมื่อเทียบกับประชาชนมากกว่า 65 ล้านคน ปี 2555 งบซื้อถุงยางลดลงอีกครึ่งหนึ่ง แต่มีนโยบายให้เยาวชนหญิงมีถุงยางอนามัยติดตัวได้คนละ 2 ชิ้น เพื่อกันการท้องก่อนวัยอันควรและเอดส์ ตลกมาก อีกทั้งนโยบายสอนเพศศึกษาตั้งแต่ 2545 เป็นต้นมา ต้องยอมรับว่าไม่ได้ผล การที่เยาวชนทางอีสานใช้ถุงก๊อบแก๊บมาใช้แทนถุงยางบ่งบอกได้ว่าการแจกถุงยางฟรีน้อย ถ้าเป็นสมัยแรกๆ แจกถุงยางไม่อั้น
การรณรงค์เอดส์ไม่ใช่จะรณรงค์เฉพาะเยาวชนเท่านั้น รัฐต้องมีนโยบายช่วยกันให้ความรู้เรื่องเอดส์ในทุกกลุ่มไม่ใช่มีแต่งบการรักษาเอดส์ฟรี เศรษฐกิจในขณะนี้ย่ำแย่ การรักษาฟรีจะต่อเนื่องไปได้สักกี่ปี เพราะผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คงจะต้องมีนโยบายให้ผู้ติดเชื้อร่วมรับผิดชอบการรักษาด้วย ซ้ำร้ายผู้ติดเชื้อได้รับเงินช่วยเหลืออีก 500 บาท/เดือน เท่ากับคนพิการ และผู้สูงอายุด้วย
แต่จะทำอย่างไรให้รัฐบาลทุกรัฐบาลสนใจ การรณรงค์เอดส์อย่างต่อเนื่อง หากนายกรัฐมนตรีทุกคนหันกลับสนใจการรณรงค์เอดส์ก็คงจะดี เพื่อจะไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเอดส์ใหม่เพิ่มขึ้นอีกแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะเด็กเอดส์และเด็กผลกระทบจากเอดส์ ตั้งแต่ 5 ธ.ค 2554 เป็นต้นมา มูลนิธิเกื้อดรุณได้ผลิต DVD animation และหนังสือการ์ตูน “รู้ให้ซึ้งเพื่อตรึงเอดส์” สำหรับเด็กชั้นประถม ป.4 - ป.6 และ มัธยม 1 - มัธยม 3 ขอได้ที่มูลนิธิเกื้อดรุณ เวลาราชการ 053-408424
หมอเขียนกลอนให้เด็กไทยได้เริ่มป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากเอดส์ ในขณะที่งบรัฐในการรณรงค์
ยังน้อยมากจนน่าห่วง
ขอให้เด็กไทยเริ่มตระหนัก ว่าคนรักหรือแฟนอาจติดเอดส์
หากมีเพศสัมพันธ์ไร้ถุงยางคงทุกขเวท ถ้าติดเอดส์อนาคตคงมืดมน
ขอเตือนให้เด็กไทยรักนวลสงวนตัว ปลอดภัยชัวร์ หากเด็กไทยเริ่มมาสน
ป้องกันเอดส์จะปลอดภัยไม่ยากจน หากไม่สน ชาติล้ม เพราะเอดส์บาน
พิชัย พิสูจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี