12 พ.ย.61 เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวนภัสวรรณ ยิ้มเจริญ อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 275 หมู่ที่ 3 ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ได้เข้า พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พร้อมให้ปากคำและแจ้งความกับ พ.ต.ท.พรวน คร้ามสมอ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อให้ดำเนินคดีเอาผิดกับน.ส.ธนิตา หรืออิ๋ว จันทร์อิ่ม อายุ 37 ปี และ น.ส.กัญจ์หทัย สุขใจ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 4 ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนชา จ.สุราษฏร์ธานี (ผู้ทำสัญญา) สองผู้ต้องหาคดีหลอกลวงทำข้าวกล่อง 10,000 ชุด ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ หลังถูกเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.พญาแมน ควบคุมตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นคดีหมายเลขดำ ผ.1553/2561
โดยนางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ (ผู้เสียหาย) เข้าแจ้งความถูกหลอกให้ทำข้าวกล่องและน้ำดื่มส่งโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก แต่สุดท้ายผู้ต้องหาไม่ยอมรับอาหารดังกล่าว อ้างว่าผิดสัญญาพร้อมเรียกเงินค่าปรับ ทำให้เสียเงินค่าลงทุนเป็นจำนวนเกือบ 1 ล้านบาท
นางสาวนภัสวรรณ กล่าวว่า วันนี้ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับ 2 คนในคดีอาญา เพราะก่อนหน้านี้เคยปรึกษากับทนาย ว่าจะเอาผิดกับนางธนิตาและน.ส.กัญจ์หทัยได้อย่างไรบ้าง แต่ทนายบอกว่าเป็นคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา ทางพ่อตนเสียเปรียบในเรื่องของสัญญา จนเวลาต่อมาทราบข่าวจาก นางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี ก็ถูกหลอกให้ทำข้าวกล่อง 10,000 กล่อง โดยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่าโดนหลอก ตนจึงไปพบและพูดคุยกันว่าพ่อก็ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 60 จนพ่อเกิดอาการเครียดอย่างหนักจนเส้นเลือดอุดตันและเสียชีวิต ล่าสุดได้ไปแจ้งความไว้ ที่ สภ.พญาแมน อ.พิชัย เพื่อเป็นพยานให้นางธนิสร
"ทั้ง 2 คน เคยชักชวนและหลอกลวงนายอัครเดช ยิ้มเจริญ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 275 หมู่ 3 ต.คุ้งตะเภา อ.เมืองอุตรดิตถ์ ทำสัญญาสัมปทาน ว่าจ้างทำข้าวกล่อง 20,000 กล่อง เช่นเดียวกัน กล่องและอุปกรณ์ทั้งหมด ผู้ว่าจ้างจะจัดหามาให้ แต่หลังจากทำข้าวกล่องเสร็จ ผู้ว่าจ้างก็บอกว่าข้าวไม่ได้มาตรฐาน และต้องปรับเป็นเงิน 350,000 บาท ตามจำนวนข้าวกล่องๆ ละ 35 บาท รวมถูกปรับไปเป็นเงิน 700,000 บาท โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านธนาคาร และต่อมาได้โอนเงินอีกจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมค่าปรับ รวมทั้งหมด 3 ล้านบาท"
นางสาวนภัสวรรณ กล่าวต่ออีกว่า ตนได้ขอคำแนะนำและปรึกษากับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่าให้มาแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงได้ จึงเดินทางมาลงบันทึกประจำเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานพร้อมแจ้งความเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์
ด้านนายธัชพงศ์ จิตท้วม (หนุ่มโมดิฟาย) อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดสุโขทัย เจ้าของกิจการร้านโมดิฟาย เลขที่ 202/1 เขตเทศบาลตำบลในเมือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและซ่อมรถมอเตอร์ไซด์ ได้เข้าพบพันตำรวจเอกดิษยเดช พัชรภูวดล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อขอคำปรึกษาหลังจากมีสายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่เอาชีวิต เนื่องเคยเป็นอดีตแฟนเก่าของ น.ส.ธนิตา หรืออิ๋ว ผู้ต้องหา
นายธัชพงศ์ หรือ (เสี่ยหนุ่ม) กล่าวว่า ได้รู้จักกับ น.ส.ธนิตา หรืออิ๋ว จันทร์อิ่ม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/9 หมู่ 3 ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ (ผู้ชักชวน) บุคคลเดียวกันที่หลอกแม่ค้าขายพันธุ์ไม้ ต.วังกะพี้ และพื้นที่อื่น ให้ทำสัมปทานข้าวกล่อง เพื่อหวังหลอกเอาเงินแล้วไม่มารับของ โดยรู้จักกันเมื่อ 3 ปีก่อน ระหว่างที่อิ๋วมาพบเพื่อนบ้านข้างร้านโมดิฟายเพื่อทำธุรกิจบางอย่าง ตนแอบมองเห็นว่าหน้าตาดี จึงเดินเข้าไปพูดคุยทักทายด้วย หลังสนิทสนมกันถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจประเภทนายค้าประกัน จึงแลกเฟซบุ๊กติดต่อคุยกันเรื่อยมา
จนกระทั่งต่อมาได้ชักชวนให้ไปเที่ยวที่บ้านตำบลพญาแมนและเกิดความสัมพันธ์กันอยู่ได้ระยะหนึ่ง บอกว่าท้องเราเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นฉันสามีภรรยากันแล้วนะ ขอเงิน 30,0000 บาท เพื่อนำไปลงทุนทำธุรกิจนายหน้าประกัน โดยพาไปที่จังหวัดสุโขทัยเจอพวกคดีค้ายาบ้าติดคุกอยู่ หากเราเป็นนายประกันให้พวกเขาจะได้เงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้ พร้อมโชว์รูปถ่ายเงินก้อนโตให้ดู ทำให้รู้ว่ารายได้ที่จะรับนั้นเป็นเงินจากนายหน้าค้าประกันตัวผู้ต้องหา ด้วยความไว้วางใจที่เป็นสามีภรรยากันจึงยอมหาเงินมาลงทุนให้ หลังลงทุนไปแล้วไม่เคยได้รับรู้เรื่องรายได้ของเงินที่ให้ไปเลย
ที่ผ่านมาได้เคยพบเห็นการซื้อขายเสพติดหลายครั้ง เพราะถูกชักชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุนซื้อและขายยาเสพติดประเภทยาบ้า ตนจึงรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเพราะไม่เคยค้ามาก่อน ทำให้เกิดอาการเครียดอย่างหนักไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเหตุร้ายแบบนี้ และถูกดึงเข้ามาค้าขายยาบ้าด้วยตนเอง จากแค่มอบเงินให้ลงทุนเป็นนายประกันตัวผู้ต้องหาเพื่อหวังรายได้ จึงปฏิเสธไปเพราะไม่มีเงินลงทุนแล้ว
น.ส.ธนิตา พยายามตีตัวออกห่าง แถมไล่ให้ออกจากบ้านที่พญาแมน อ้างว่าทางบ้านแอบทำธุรกิจประกอบอาวุธปืนเถื่อนส่งขายให้ตำรวจ แถมยังรับรู้อีกว่าเหตุผลที่อิ๋วไปเรือนจำสุโขทัยบ่อย เพราะไปเยี่ยมสามีเก่าที่ติดคุกในคดียาบ้า เพราะทุกครั้งที่ไปไม่เคยได้ลงจากรถเลยจึงรู้ว่าถูกหลอก เมื่อเจอเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดเครียดหนักขึ้น จนเกิดอาการวูบหมดสติไปทันที แล้วถูกหามส่งโรงพยาบาลอุตรดิตถ์
น.ส.ธนิตา คิดว่าตายแล้วจึงมอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กับญาติพี่น้องที่มาเฝ้าเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพ นอนหมดสติอยู่บนเตียงนานเกือบ 2 อาทิตย์ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ มีสติฟื้นขึ้นมาได้แพทย์บอกสมองด้านความนึกคิดอาจจะกลับมาไม่เหมือนเดิม จึงเข้าวัดนุ่งขาวห่มขาวถือศีล 8 ที่วัดจันทารามหรือวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เป็นเวลา 1 เดือน หลังถือศีลออกมา โชคดีมีคนใจดีมอบเงิน 50,000 บาท ให้ลงทุนเปิดร้านจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและซ่อมรถมอเตอร์ไซด์อีกครั้ง รวมใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับอิ๋วประมาณ 6 เดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี