นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทานเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการดำเนินการ โครงการประตูระบายน้ำคลองประอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.พัทลุง โดยเฉพาะในส่วนการก่อสร้างประตูระบายน้ำ (ปตร.) ปากคลองประ ซึ่งจะช่วยปิดกั้นน้ำเค็มจากทะเลหลวงไม่ให้รุกเข้ามาในพื้นที่ และเก็บกักน้ำจืดไว้ในพื้นที่เพื่อการชลประทานช่วงฤดูแล้ง โดยใช้หลักการบริหารจัดการ ปตร.ควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ ในเรื่องที่ชาวบ้านกังวล
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนไม่เข้าใจและยังคัดค้าน กรมจะยังไม่ดำเนินการในส่วนประตูระบายน้ำ แต่ในส่วนอื่นๆ ที่ไม่มีปัญหาการคัดค้านและเป็นที่ต้องการของราษฎรในพื้นที่ เช่น อาคารควบคุมน้ำริมทะเลหลวง 6 แห่ง งานขุดลอกคลองธรรมชาติ 3 สาย งานสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเพื่อการชลประทาน 17 แห่ง และระบบชลประทานในพื้นที่ชลประทานเปิดใหม่ 20,716 ไร่ ยังเดินหน้าต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่อย่างสูงสุด
“กรมชลประทานจะเปิดบานประตูระบายน้ำพ้นน้ำไว้ตลอด โดยเฉพาะช่วงฤดูน้ำหลากเพื่อระบายน้ำออกนอกพื้นที่ป้องกันอุทกภัย อีกทั้ง ประตูระบายน้ำถูกออกแบบให้ระบายน้ำได้ในปริมาณมากถึง 1,564 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที สูงกว่าปริมาณคาดการณ์ 100 ปี โดยการเปิดบานประตูให้พ้นน้ำ ดังนั้น ในสภาพน้ำหลากปกติ น้ำจะระบายผ่านประตูระบายน้ำไปได้โดยไม่ถูกกีดขวาง นอกจากนี้ กรณีที่น้ำในทะเลหลวงสูงกว่าในคลองปากประ ปตร.ปากคลองประจะทำหน้าที่ร่วมกับปตร.น้ำปากคลองยวนและอาคารระบายน้ำริมทะเลหลวงอีก 6 แห่ง ในการป้องกันน้ำจากทะเลหลวงไหลเข้าพื้นที่ ดังนั้น นอกจาก ปตร.ปากคลองประ จะไม่เป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่แล้ว ยังช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายเฉลิมเกียรติกล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำของ ปตร.ปากคลองประ
รองอธิบดีกรมชลประทานกล่าวต่อว่า ปตร.ปากคลองประไม่ได้ทำให้ระบบนิเวศของสัตว์สูญเสียสมดุลตามธรรมชาติ จากการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) พบว่า การอพยพของสัตว์น้ำจากทะเลหลวงสู่คลองปากประเพื่อวางไข่ในช่วงน้ำหลาก และในช่วงการอพยพของลูกปลาจากคลองปากประสู่ทะเลหลวงเพื่อการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ เป็นช่วงที่ ปตร.ปากคลองประจะปิดบานพ้นน้ำเพื่อเป็นการระบายน้ำ และการรับน้ำจากทะเลหลวงเข้าสู่คลองปากประ เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งสัตว์น้ำผ่านประตูระบายน้ำได้ตามปกติเหมือนก่อนที่จะมีประตูระบายน้ำ ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงอยู่ในระดับน้อยมาก
นอกจากนี้ ตะกอนในลำน้ำจึงสามารถไหลผ่านประตูระบายน้ำลงไปยังทะเลหลวงได้ตามปกติ โอกาสที่จะเกิดตะกอนทับถมหน้าประตูระบายน้ำมีน้อย แนวทางบริหารจัดการ ประตูระบายน้ำจะปิดบานใน 2 กรณีคือ ป้องกันน้ำเค็ม และเก็บกักน้ำเพื่อการชลประทานช่วงฤดูแล้งเท่านั้น นอกจากนี้ ปตร.ปากคลองประยังออกแบบให้มีทางเรือสัญจร เพื่อให้เรือโดยสารและเรือประมงสัญจรผ่านเข้า-ออกได้ในช่วงระยะเวลาที่ปิดบานระบายอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี