ชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีภาษาท้องถิ่น เรียกว่า ภาษาอีสาน เป็นเอกลักษณ์ รวมถึง มีบทเพลง ที่ไพเราะ หวานซึ้ง กินใจและ เร้าร้อน เรียกว่า เพลงหมอลำ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาช้านาน เป็นจุดเด่น
บทเพลงหมอลำ จะไพเราะ สนุกสนานได้ ก็ต้องมีเครื่องดนตรีพื้นเมืองประกอบ อาทิ เช่น แคน กลอง ฉิ่ง ฉาบ และที่ขาดไม่ได้ ก็คือ พิณและซุง เพราะถือว่า เป็นหัวใจหลัก ในการบรรเลง บทเพลงหมอลำที่สุดแสนจะไพเราะ
สำหรับพิณและซุง เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองประเภทดีด ที่ชาวอีสานรู้จักกันดีมานาน โดยนำมาบรรเลงควบคู่กับแคน ประสานเสียงกับเพลงหมอลำได้อย่างลงตัว ด้วยท้วงทำนองที่เร้าร้อน คึกคัก ตามแบบฉบับชาวอีสาน ใครได้ฟังก็จะขยับแข้งขยับขาตามแบบไม่รู้ตัว เกรงว่าเครื่องดนตรีพื้นเมือง ประเภทดีด คือพิณและซุง จะสูญหาย จึงได้มีการอนุรักษ์ ถ่ายทอดวิชาความรู้ ในเรื่องการผลิตและการเล่นอย่างถูกวิธี สู่รุ่นลูก รุ่นหลาน ทำให้เด็ก เยาวชน ในหมู่บ้านสนใจตอบรับเป็นอย่างดี
นายอัมพร ขันแก้ว อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 13 บ้านสร้างถ่อใน ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ บรมครูเพลงผู้ผลิตพิณและซุงฝีมือดี เล่าวว่า บิดาเป็นศิลปินพื้นบ้าน(หมอลำ)สามารถเล่นได้ทั้งพิณและซุง รวมถึงผลิตให้คณะหมอลำหลายคณะ บางครั้งก็ถูกว่าจ้างให้ไปเดี่ยวพิณและซุงในงานมงคลต่างๆทั่งภาคอีสาน ซึ่งตนได้ติดตามบิดาไปทุกแห่ง ระหว่างที่ได้ติดตามบิดา ก็ได้มีการเรียนรู้ควบคู่กันไป จึงมีความรู้และเชี่ยวชาญในการผลิตพิณและซุงรวมถึงการเล่นเป็นอย่างดี กระทั่งบิดาเสียชีวิตก็ได้มีการสืบทอดเจตนารมณ์ของบิดาเป็นเวลาเกือบ 50 ปี เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปะดนตรีแบบโบราณนี้ไว้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเปิดรับเด็กและเยาวชนทั่วไปเข้ามาศึกษาบอกสอน การผลิตพิณและซุง พร้อมกับสอนวิธีการเล่นแบบถูกวิธีไปหลายรุ่นแล้ว ก็สอนแบบฟรีๆ ที่ผ่านมาเด็กและเยาวชนที่จบออกไป ก็นำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพกับคณะดนตรีหมอลำ หรือไม่ก็วงกลองยาว ตระเวนเปิดการแสดงไปตามงานต่างๆ ก็เป็นการสร้างงานสร้างรายได้เป็นอย่างดี
นายอัมพร ขันแก้ว สุดยอดนักเดี่ยวพิณและซุง บอกถึงการผลิตพิณและซุงว่า ไม้ที่ใช้ผลิตพิณและซุงมี 3 ชนิด คือ ไม้ขนุน ประดู่ และไม้พะยูง โดยใช้ไม้ยาว 1 เมตร หน้ากว้าง 10 เซ็นติเมตร แปรรูปเป็นตัวพิณและซุง แล้วใส่คอนแทคและตัวคีย์ มี 11 ตัว จากนั้นใส่สาย 2 เส้น 3 เส้น หรือ 4 เส้นตามความต้องการ แล้วทำการปรับเทียบเสียงตามโน๊ตสากล เมื่อปรับเทียบเสียงถูกต้องแล้วก็ทำการตกแต่งลวดลายต่างๆ เช่น ลายกนก ลายมังกร และลายพญานาคตามใจชอบ ต่อมา ลงแลคเกอร์ เพื่อความสวยงาม สำหรับข้อแตกต่างระหว่างพิณกับซุง คือ พิณจะใช้สายกีตาร์ มีเสียงแหลม เพราะไม่ได้เจาะเป็นโพลง แต่จะเจาะเป็นรูเท่านั้น ซึ่งจะดีดคู่กับเสียงหมอลำผู้หญิง เล่นกับหมอลำซิ่งในปัจจุบัน ส่วนซุงใช้สายลวดเบรกรถจักรยาน ซึ่งเป็นเกลียวที่แข็งแรงกว่าสายกีตาร์ เมื่อดีดแล้วจะมีเสียงทุ้มกังวาล เพราะเจาะเป็นโพรง ส่วนใหญ่จะเล่นกับคณะหมอลำย้อนยุคและที่สำคัญการดีดพิณจะต้องดีดทีละสาย ส่วนการดีดซุงจะดีดทุกสาย นั่นคือ ข้อแตกต่างของเครื่องคนตรีทั้ง 2 ชิ้น
นายอัมพร ขันแก้ว บอกอีกว่า สำหรับราคาจำหน่ายพิณและซุง เริ่มตั้งแต่ 500 บาท ถึง 5,000 บาท ก็อยู่ที่ลูกค้าสั่งทำว่า ต้องการแบบไหน ส่วนพิณและซุงที่ทำจากไม้พะยูง จะมีราคาแพง อยู่ที่ตัวละ 5,000 บาท ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็ยังคงผลิตป้อนคณะหมอลำอยู่ บางครั้งก็แต่งบทเพลงหมอลำแถมให้ด้วย เพื่อเป็นการเผยแพร่ศิลปะพื้นเมืองของชาวอีสานให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
ด.ช. ธนากร เอื้องจันทร์ อายุ 11 ปี เด็กในหมู่บ้านบอกว่า ในวันเสาร์ อาทิตย์ พร้อมเพื่อนๆจะมาเรียนรู้การผลิตพิณและซุง รวมถึงการเล่นอย่างถูกวิธี เพิ่งมาเรียนได้ 2 เดือน ที่ผ่านมาผู้ที่ผ่านการเรียนรู้จนเข้าใจจะต้องใช้เวลาร่วม 1 ปี จึงจะสามารถนำไปใช้ได้ โดยเฉพาะการดีดพิณและซุงนับว่าเรียนยากมาก ก็เห็นรุ่นพี่เขานำไปปรับใช้กับไฟฟ้า เรียกว่า พิณและซุงไฟฟ้า เมื่อดีดแล้วเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะ เร้าใจ ทำให้ตนชื่นชอบมาก
การใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการเรียนรู้กลเม็ดเคล็ดลับต่างๆ ให้ติดต่อไปที่ นายอัมพร ขันแก้ว บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 13 บ้านสร้าวถ่อใน ต.สร้างถ่อนอก อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ได้ทุกวัน
สนธยา ทิพย์อุตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี