ระดมช่วยใต้
จนท.ทหาร-ตร.ลงพื้นที่
ร่วมแรงร่วมใจสู้‘ปาบึก’
นายกฯเป็นห่วงชาวบ้าน
สั่งเยียวยาทันทีที่พายุผ่าน
นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงสถานการณ์พายุ “ปาบึก” กระทบอาชีพชาวใต้ สั่งเยียวยาทันทีเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น รมว.เกษตรฯสั่ง ตั้งศูนย์เฝ้าระวังสูงสุด 24 ชม. อธิบดีกรมชลฯเร่งพร่องน้ำ 3 เขื่อนใหญ่ 19 เขื่อนกลาง ชี้พายุ “ปาบึก” รุนแรงรอง “แฮเรียต-เกย์” ทัพบก-ทัพเรือ-ตำรวจระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ช่วยเหลืออย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 4 มกราม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวถึงการรับมือสถานการณ์พายุโซนร้อน “ปาบึก”(PABUK)ว่าในพื้นที่ภาคใต้ ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนมากสถานการณ์ฝนจะกระทบทั้ง14จังหวัดภาคใต้ รวมถึงอีก 2จังหวัดคือ จ.เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมีฝนมาก จะต้องหาวิธีระบายน้ำ แม้จะทำได้ยากเนื่องจากมีพายุเข้ามาแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามหาวิธีดำเนินการรับมือทั้งหมดแล้วโดยใน จ.นครศรีธรรมราช มีที่พักพิง 100กว่าจุด เฉลี่ยตำบลละ 2-4แห่ง ได้อพยพประชาชน 10,000 คน จากเป้าหมายที่เตรียมไว้ 20,000กว่าคน ต้องเตรียมไว้เบื้องต้น หากสถานการณ์แรงขึ้น จะทำให้การเคลื่อนย้ายลำบาก
นายกฯสั่งเยียวยาทันทีที่พายุสงบ
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่าคาดว่า 5-6วันพายุจะเคลื่อนตัวออกจากประเทศไทย โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ประชาสัมพันธ์เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เบื้องต้นหอกระจายข่าวในแต่ละพื้นที่ใช้ได้เกือบทั้งหมดและยังมีการเตรียมระบบสำรองในการสื่อสาร โดยนำของกองทัพเข้ามาเสริม และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพราะติดตามสถานการณ์และรายงานนายกฯอย่างต่อเนื่อง และนายกรัฐมนตรี ยังเป็นห่วงว่าสถานการณ์จะกระทบต่อการประกอบอาชีพของประชาชน ไม่ว่าจะเป็น ชาวสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน โดยสั่งการให้เร่งเยียวยาประชาชนทันทีเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย เพื่อให้ชาวบ้านประกอบอาชีพได้โดยเร็ว
คาดน้ำท่วมเมืองคอน3-5วัน
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เผยภายหลังประชุมทางไกลไปยังสำนักงานชลประทาน16จังหวัดภาคใต้เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลพายุ ปาบึกว่าคาดจะมีฝนตกหนักมากกว่า123 มม.ที่อ.จะนะ นาทวี และ อ.เทพา 154 มม. อ.สะบ้าย้อย 200 กว่า มม.จนถึง จ.ปัตตานี ฝนตกกว่า 100มม.ปัจจุบันรัศมีความกว้างของพายุปาบึกเข้าถึงฝั่งแล้วโดยตัวพายุอยู่ในศูนย์กลางของแผ่นดินที่ จ.นครศรีธรรมราช ฝนหนักประมาณ300มม.ทำให้เกิดน้ำท่วมเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ประมาณ 3-5วัน และจังหวัดใกล้เคียงไปถึงฝั่งอันดามัน ซึ่งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ กว่า1,170 รายการและสะพานแบลรีย์ หากถนนถูกตัดขาด
‘กฤษฎา’สั่งเฝ้าระวังสูงสุด24ชม.
นายทองเปลว เปิดเผยว่า นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ระดมทรัพยากรต่างๆ ลงพื้นที่เสี่ยง ตั้งศูนย์เฝ้าระวังสูงสุด 24 ชม. แจ้งเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที ได้ตั้งรองอธิบดีกรมชลประทาน 4 ท่านลงไปดูแลทุกพื้นที่เพื่อลดความเสีนหายให้น้อยที่สุด พร้อมกับ ผอ.-หัวหน้าสำนักชลประทาน ต้องอยู่ประจำจุดจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย พร้อมกับติดตามข้อมูลข่าวสารกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการสื่อสารได้ตลอดเวลาทุกสภาพอากาศเตรียมใช้ช่องทางผ่านวิทยุมือถือ ไว้กรณีสัญญาณโทรศัพท์ล่ม โดยพายุนี้ทำให้มีฝนหนักถึงวันที่ 6 มกราคม มีปริมาณฝนตกกระจัดกระจายทั่วภาคใต้ และมีฝนตกบางส่วน จ.ประจวบคีรีขันธ์
เร่งพร่อง3เขื่อนใหญ่19เขื่อนกลาง
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าได้ทำการประเมินน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ 14 จังหวัดภาคใต้ และ2 จังหวัด เพชรบุรี กับประจวบคีรีขันธุ์ เขื่อนใหญ่ๆมีน้ำกว่า 80-90 % พบว่าเขื่อนใหญ่เฝ้าระวังน้ำล้นสปิลเวย์ มี 3 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เขื่อนปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนเขื่อนขนาดกลาง เฝ้าระวังน้ำล้น 19 แห่ง ได้แก่ เขื่อนคลองท่างิ้ว-เขื่อนห้วยน้ำใส-เขื่อนบ้านพรุเตย จ.ตรัง, เขื่อนเสม็ดจวน จ.นครศรีธรรมราช, เขื่อนห้วยอ่างหิน-เขื่อนยางชุ-เขื่อนห้วยวังเต็ม-เขื่อนห้วยไทรงาม-เขื่อนห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์,เขื่อนป่าบอน-เขื่อนคลองหัวช้าง-เขื่อนป่าพะยอม จ.พัทลุง, เขื่อนบ้านกระหร่างสาม-เขื่อนทุ่งขาม-เขื่อนห้วยสงสัย จ.เพชรบุรี, เขื่อนหาดส้มแป้น จ.ระนอง เขื่อนคลองหลา สงขลา เขื่อนบางทรายนวล จ.สุราษฎ์ธานี เขื่อนห้วยลึก จ.กระบี่ ได้เพิ่มการระบายน้ำแล้ว
เผยเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ ได้เตรียมการพร่องน้ำไว้ล่วงหน้าพร้อมกับคาดการณ์ปริมาณฝนที่จะเข้ามาตั้งแต่ช่วงวันที่30 ธันวาคม 2561 ที่พายุเริ่มก่อตัว จนวันที่ 1 มกราคม 2562 พายุมีเส้นทางเข้าไทยโดยตรงได้ประเมินอัตราการไหลเข้าเขื่อนจากพายุปาบึก เช่นเขื่อนรัชชประภา มีน้ำไหล 240 ล้านลบ.ม.ยังมีช่องว่างเพียงพอรับได้ ส่วนเขื่อนบางลาง คาดว่าเข้าอีก 40 ล้านลบ.ม. และเขื่อนปราณบุรี ได้พร่องน้ำ ระบายเพื่มเป็น100ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ วันละ 8 ล้าน ลบ.ม.โดยไม่กระทบด้ายท้ายเขื่อน ส่วนเขื่อนแก่งกระจาน ยังรับน้ำได้อีก 96 ล้านลบ.ม.
“ปาบึก”ที่3รอง“แฮเรียต-เกย์”
นายทองเปลว กล่าวว่า ประเมินว่ากระแสลมแรงจากพายุปาบึก อาจส่งผลทำให้บ้านเรือนพัง สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหาย แต่เป็นระดับปานกลาง ไม่แรงมากเหมือนพายุเกย์ ที่สร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดและรองลงมาเป็นพายุแฮเรียต ส่วนความแรงลมของพายุ ปาบึก อันดับสาม และจะมีฝนหนักมาก 300 มม.ในช่วง3 วัน จากที่ผ่านมาฝนตกหนักมาก ที่จ.นครศรีธรรมราช สูงสุด 288 มม.คราวนี้ฝนถึง300 มม.มีผลกระทบน้ำท่วมมากในพื้นที่เทศบาลเมืองนครฯ แต่พายุนี้ย้อนจากอ่าวไทย ฝนตกจากปลายน้ำ การระบายยังทำได้ แต่อาจมีอุปสรรคจากระดับคลื่นซัดเข้าฝั่งที่สูงเป็นปัจจัยกระทบการระบายน้ำได้
ทัพเรือยกระดับพร้อมขั้นสูงสุด
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. สั่งเตรียมให้พร้อม การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึกขั้นสูงสุด พร้อมออกเรือได้ภายใน 24 ชม. โดยสั่งการให้จัดหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณะภัยทางทะเล กองทัพเรือ ประกอบกำลังด้วย ร.ล.จักรีนฤเบศร เฮลิคอปเตอร์ 4 ลำพร้อม 1 ชุดปฏิบัติการกู้ชีพและช่วยชีวิตทางน้ำ (Maritime Aquatic Life Support Team: MAL) 1 ชุดสำรวจสำรวจและประเมินความเสียหาย ทร.(Naval Disaster Assessment Team:NDAT) 1 ชุดค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนบก และ 1 ชุดปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์ทั้งนี้ให้พร้อมออกเรือ เพื่อปฏิบัติการได้ภายใน 24 ชม. หรือปฏิบัติได้ทันที่ ตามที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ หรือศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ
ทบ.ระดมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ช่วย
พ.อ.วินธัย สุวารีโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.สั่งหน่วยทหารในส่วนกลางเข้าสนับสนุนร่วมบูรณาการการทำงานกับหน่วยทหารของ กองทัพภาคที่ 4 เข้าช่วยเหลือประชาชนจากเหตุพายุโซนร้อน’ปาบึกโดยเน้นกำชับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นสำคัญ พร้อม สั่งการให้มีการตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ขึ้นที่กองบัญชาการกองทัพบกเพื่อประชุมติดตามสถานการณ์ ร่วมกับ กองทัพภาคที่ 4และมณฑลทหารบกใน 14 จังหวัดภาคใต้อย่างใกล้ชิด ปัจจุบันในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยขึ้น 22 ศูนย์ ทั้ง 14จังหวัดภาคใต้เพื่อติดตามสถานการณ์และพร้อมเข้าให้การช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยได้ในทันที โดยล่าสุด มีการตั้งกองอำนวยการช่วยเหลือประชาชนส่วนหน้าประจำพื้นที่เสี่ยงเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการจัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ประกอบด้วย กองร้อยบรรเทาสาธารณภัย 45กองร้อย มีกำลังพลรวม 6,048 นาย, รถบรรทุก 240 คัน,เรือ 115 ลำ, ชุดแพทย์เคลื่อนที่ 14ชุด, รถครัวสนาม 22 คัน, ชุดเปิดเส้นทาง 4 ชุด มีการจัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากส่วนกลาง ไปเสริม โดยกองพลทหารราบที่ 9 ได้นำรถยนต์บรรทุก ขนาด 2 1/2 ตัน จำนวน 6 คัน และรถครัวสนาม 3คัน เข้าไปสมทบ สำหรับการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ในส่วนกลาง ลงไปเพิ่มเติมมีทั้ง เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ค, เฮลิคอปเตอร์ MI 17ลำ รถบรรทุก พร้อมชุดค้นหาและกู้ภัย เป็นต้น
ผบ.ตร.สั่งระดมพลช่วยอพยพ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค7, ภาค8, ภาค9, ตำรวจน้ำ, ตำรวจตระเวนชายแดน ระดมกำลังพลยานพาหนะ เข้าสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก ในพื้นที่ภาคใต้ อย่างเต็มที่ รวมทั้ง ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยให้เปิดสถานีตำรวจเป็นที่พักพิงชั่วคราวให้กับประชาชนด้วย ส่วนกรณีที่ปัจจุบันมีการส่งต่อภาพเหตุการณ์พายุที่เป็นภาพเก่า ภาพจากต่างประเทศ และมีการบิดเบือนข้อมูลอันเป็นเท็จ ผ่านทางโซเชียลมีเดียนั้นได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและตรวจสอบแล้ว หากพบเข้าข่ายความผิด จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมกล่าวแช่งผู้ที่กระทำการในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากมองว่า เป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน
ประกาศปิดสนามบินสุราษฎร์ฯ
กรมท่าอากาศยานแจ้งว่าหลังจากประเมินสถานการณ์ผ่านข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าเส้นทางของพายุและความเร็วลมอาจมีผลกระทบต่อการบิน จึงขอประกาศปิดการให้บริการท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม–เวลา12.00น.วันที่ 5 มกราคม ส่งผลให้มีการยกเลิกเที่ยวบินของสายการบินนกแอร์2เที่ยวบิน สายการบินไทยสมายล์ 4 เที่ยวบินและสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ 3 เที่ยวบิน โดยได้ออกประกาศ NOTAM และแจ้งสายการบินเพื่อประสานกับผู้โดยสารต่อไป
ส่วนท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้ปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 00.01น.-24.00น.วันที่ 4 มกราคม 2562เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ระดับน้ำภายในและโดยรอบท่าอากาศยานอยู่ในสถานการณ์ปกติ สภาพอากาศ มีลมและฝนค่อนข้างแรง
บขส.จัดรถเสริมล่องภาคใต้
นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ตามที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชประกาศยกเลิกทุกเที่ยวบินของวันที่ 4 มกราคม ในส่วนของ บขส.ได้ประสานสถานีเดินรถในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ จัดเตรียมรถโดยสารเพื่อรองรับประชาชน ดังนี้ เส้นทางนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ 16 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร 620 คน เส้นทางสุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ 18 เที่ยว รองรับ 720 คน เส้นทางกระบี่-กรุงเทพฯ 23 เที่ยว รองรับ 920 คน เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ 23 เที่ยว รองรับ 780 คน และเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ 33 เที่ยว รองรับ 1,155 คน ส่วนรถหมวด 3 เส้นทางนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี 26 เที่ยว รองรับ 450 คน เส้นทางสุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต 26 เที่ยว รองรับ 800 คน และเส้นทางกระบี่-สุราษฎร์ธานี 12 เที่ยว รองรับ 480 คน
นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถทะเบียน 30 ) 10 คัน รองผู้โดยสาร 450 คน และรถตู้ หมวด 3 จำนวน 10 คัน รองรับผู้โดยสาร 130 คน อำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการปรับ/ยกเลิกเที่ยวบิน เนื่องจากสถานการณ์ของพายุปาบึก สอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง
รฟท.จัดแผนรองรับสถานการณ์
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท.ได้มีการประเมินจุดเสี่ยงหากเกิดน้ำท่วมทางจนไม่สามารถเดินรถต่อได้ กรณีเกิดน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถเปิดเดินรถได้ตามปกติ โดยเส้นทางที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุปาบึกในช่วงระหว่างชุมทางเขาขุมทอง - นครศรีธรรมราช รฟท.จะเดินขบวนรถสายนครศรีธรรมราชถึงแค่สถานีชุมทางทุ่งสง และจะจัดรถยนต์ขนถ่ายผู้โดยสารจนถึงปลายทางสถานีนครศรีธรรมราช ขณะเดียวกันยังสั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายการช่างโยธา และนายสถานีในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมรายงานสถานการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาและศูนย์ปลอดภัยฝ่ายการเดินรถทราบอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างที่พื้นที่ภาคใต้ของไทยกำลังอยู่ในช่วงมรสุม จึงขอให้ผู้โดยสารที่มีความประสงค์เดินทางเส้นทางรถไฟสายใต้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสามารถตรวจสอบหรือสอบถามรายละเอียดก่อนเดินทาง ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี