ความคืบหน้ากรณีนางกิ่งกาญจน์  โพธิ์ชื่น อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 3 ต.เอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดเชือดคอ พร้อมทั้งใช้ก้อนอิฐขนาดใหญ่ทุบศีรษะเสียชีวิต โดยคนร้ายทิ้งศพไว้ที่ห้องพักคนงานตัดอ้อยร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ทราบชื่อต่อมาคือนาย น้ำมนต์ หรือต๋อง จันเสียงเย็น อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 7 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่คุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.ลาดหญ้า กระทั่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง จากนั้นจึงคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ

                ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ 27 มกราคม  พล.ต.ต.กมลสันติ  กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี  พ.ต.อ.วัฒนา ประสมทรัพย์ ผกก.สภ.ลาดหญ้า พ.ต.ท.นาวา ปูดำ หัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.ลาดหญ้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องคุมตัวนายน้ำมนต์ หรือต๋อง คนร้าย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่เกิดเหตุมีประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปเพื่อดูหน้าคนร้าย ประกอบกับมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อถูกชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีหลังก่อเหตุอีกด้วย โดยการทำแผนมีทั้งหมด  5 จุด คือ จุดที่ 1 บริเวณสระน้ำกลางไร่อ้อย ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายให้หลานสาวของผู้ตายนั่งรอ จุดที่ 2 และ 3  คือ จุดที่นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปซ่อนไว้ในกลางไร่อ้อย จุดที่ 4 และ 5 บริเวณห้องพักคนงานตัดอ้อยร้าง ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายใช้มีดเชือดคอคนตาย รวมทั้งใช้ก้อนอิฐทุบศีรษะจนกระทั่งนางกิ่งกาญจน์ เสียชีวิต

                โดยนายน้ำมนต์ หรือต๋อง ผู้ต้องหารับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า ตนกับนางกิ่งกาญจน์ ผู้ตายรู้จักกันมาประมาณ 3 เดือน ก่อนหน้านั้นตนได้ไปนั่งกินข้าวที่ร้านข้าวแกงที่ผู้ตายทำงานอยู่เป็นประจำ จนรู้จักและสนิทกัน ต่อมานางกิ่งกาญจน์ได้ขอยืมเงินตน ซึ่งตนก็ให้ยืมไปหลายครั้งรวมแล้วประมาณ 1 หมื่นบาท ต่อมาตนก็ทวงถามเงินที่ผู้ตายยืมไป พอทวงบ่อยๆ จึงทำให้นางกิ่งกาญจน์ ไม่พอใจ และได้พูดจาข่มขู่ตนว่า จะนำเรื่องที่ตนเคยก่อเหตุเอาไว้ทั้งหมดไปบอกตำรวจ รวมทั้งจะบอกที่หลบซ่อนตัวด้วย  ทั้งนี้ ตนกำลังหลบหนีหมายจับ คดีพยายามฆ่าในท้องที่ สภ.พนมทวน ซึ่งนางกิ่งกาญจน์ รู้เรื่องของตนทั้งหมด ตนจึงวางแผนให้ผู้ตายมาหาที่บ้านพักร้างกลางไร่อ้อยดังกล่าว โดยหลอกว่าให้มาเอาเงิน 3,000 บาท

                สุดท้ายนางกิ่งกาญจน์หลงเชื่อ มาตามนัด ซึ่งตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาจากพื้นที่อำเภอด่านมะขามเตี้ยไปรอที่สระน้ำ จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 25 ม.ค.พบผู้ตายพาหลานสะใภ้มาเป็นเพื่อน จึงขอให้หลานสะใภ้ของผู้ตายรออยู่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ จากนั้นตนพานางกิ่งกาญจน์ไปที่ห้องพักคนงาน เมื่อถึงห้องพักตนจึงบอกกับผู้ตายว่า ไม่มีเงินจะให้ และใช้มีดปลายแหลมที่เตรียมมาแทงเข้าที่บริเวณหน้าท้อง และราวนมขวาของผู้ตาย รวม 2 แผล และใช้มีดเล่มเดียวกันเชือดเข้าที่บริเวณลำคอจนเสียชีวิต จากนั้นใช้ก้อนอิฐที่วางอยู่ทุบเข้าที่ศีรษะผู้ตาย 1 ครั้ง จนกระทั่งแน่ใจว่าเสียชีวิตจึงได้หลบหนีไป

                โดยไปพบนางสาวธนาภรณ์ นาคสิทธ์ อายุ 18 ปี หลานสะใภ้คนตายที่รออยู่สระน้ำกลางไร่อ้อย โดยใช้อุบายหลอกว่า ภายในเจ้าหน้าที่กำลังปิดล้อมจับกุมยาบ้าอยู่ให้ปิดโทรศัพท์มือถือ และให้เข้าไปหลบในดงอ้อย ป้องกันการโดนลูกหลง  ซึ่งน.ส.ธนาภรณ์ก็หลงเชื่อตน  กระทั่งเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ขณะที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนี พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถยนต์เข้ามา ตนจึงนำรถไปซ่อนไว้ในดงอ้อย ก่อนที่จะเดินลัดเลาะออกมา และไปหลบอยู่บริเวณศาลาพักร้อนข้างทางจนเช้า

                ต่อมาเวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 26 ม.ค.ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่ที่ศาลาริมทาง ตนพบเด็กชายคนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงได้เรียกให้หยุด พร้อมกับบอกเด็กคนดังกล่าวว่า จะจ้าง 100 บาท เพื่อให้ไปส่งที่วัดถ้ำเขาปูน ซึ่งเด็กก็หลงเชื่อจึงได้ไปส่ง ขับมาได้ประมาณ 1 กิโลเมตร ตนจึงผลักเด็กลงจากรถแล้วขับหลบหนีมุ่งหน้าไปที่อ.ด่านมะขามเตี้ย จากนั้นจึงโทรศัพท์ไปหาอดีตภรรยาให้มาพบที่หน้าร้าน เซเว่น อี เลฟเว่น แต่สุดท้ายก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเสียก่อน

                ด้านพล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของคนร้ายพบว่า เคยก่อคดีอุกฉกรรจ์มาอย่างโชกโชน  มีทั้งคดีข่มขืนแล้วพยายามฆ่า แต่ผู้เสียหายไม่เสียชีวิต เหตุเกิดในท้องที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี และคดีพยายามฆ่าชิงทรัพย์ในท้องที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี และในท้องที่ สภ.พนมทวน ล่าสุดได้ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในท้องที่ สภ.พนมทวน ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับ นอกจากนั้น ยังสืบทราบว่าระหว่างการหลบหนี ผู้ต้องหาได้หลบไปบวชเป็นพระในอ.บ่อพลอย เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ   อีกทั้ง ยังเคยติดคุกเมื่อปี 2535 เป็นเวลา 10 ปี เมื่อพ้นโทษก็ได้มาก่อคดีอีกและติดคุกเป็นครั้งที่สอง และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณเดือน กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็มาก่อเหตุขึ้นในครั้งนี้อีก