วอดแล้ว300ไร่

ป่า‘ซำแม่นาง’จ.เลย

เพลิงโหมกลางดึก

คาดชาวบ้านเผาป่า

ลามเข้าพื้นที่อุทยาน

เพลิงโหมกระหน่ำกลางดึกเผาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่า “ซำแม่นาง” จ.เลย วอดไปแล้ว 300 ไร่ คาดชาวบ้านรุกป่าทำไร่อ้อยเผาหญ้าจนลามไปยังป่าสงวน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ได้ เกิดเหตุไฟไหม้ป่าบริเวณภูผาสิงห์ เขตรอยต่อระหว่างตำบลหนองหญ้าปล้อง กับตำบลศรีสงคราม อ.วังสะพุง จ.เลย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าซำแม่นาง โดยแนวของไฟป่าเห็นเป็นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร กำลังลุกลามอย่างรวดเร็วไปทางทิศเหนือ ห่างจากศูนย์พัฒนาอาหารสัตว์เลยเพียง 500 เมตรเท่านั้น เนื่องจากบนภูเขาแห้งแล้งมาก มีใบไม้แห้ง ต้นไม้แห้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

ไฟไหม้ครั้งนี้ ส่งผลให้พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 300 ไร่ และเกิดหมอกควันลอยล่องปกคลุมไปทั่ว โดยยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดับไฟ เพราะแนวของไฟป่าครั้งนี้อยู่สูงเกือบถึงยอดภูเขา สาเหตุคาดว่าเป็นการเผาอ้อยแล้วลุกลามขึ้นไปบนภูเขา ซึ่งด้านหลังของภูเขาลูกนี้ล้อมรอบไปด้วยไร่อ้อย

สำหรับไฟป่าที่เกิดขึ้นครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในอำเภอวังสะพุงในฤดูแล้งปีนี้ ซึ่งในวันนี้เป็นวันแรกที่หน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดเลย นำโดยมณฑลทหารบกที่ 28 ค่ายศรีสองรัก เริ่มต้นหรือคิกออฟปฏิบัติการรณรงค์และปราบปรามการเผา ลดฝุ่น และหมอกควัน ตามคำสั่งด่วนของรัฐบาลและกองทัพภาคที่ 2.

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ร.ต.อ.อมร ตฤปอัชฌา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไม้บ้านพักคนงานและโรงเก็บของภายในโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย หมู่ 4 ต.มะขามสูง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงประสานรถน้ำดับเพลิงจาก อบต.ปากโทก อบต.มะขามสูง อบต.หัวรอ และ อบต.ใกล้เคียงจำนวนกว่า 10 คัน เข้าระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงเป็นการด่วน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักครึ่งไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น เลขที่ 86/14 โดยมีนางจันทร์ทร ประหลาดเนตร อายุ 49 ปี แม่บ้านของโรงเรียนพักอาศัยอยู่ พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้จากชั้นล่างของตัวบ้านที่เป็นห้องเก็บของ และยังลุกลามไปติดบ้านไม้เลขที่ 86/13 ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงแต่ไม่มีผู้ใดพักอาศัยอยู่ เนื่องจากเอาไว้เก็บอุปกรณ์ช่างของโรงเรียน เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันลากสายยางฉีดน้ำสกัดเพลิงประมาณ 30 นาที เพลิงจึงสงบลง แต่ทรัพย์สินข้าวของเครื่องใช้ถูกไฟไหม้วอดเสียหายทั้งหมด ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้

จากการสอบถาม นางจันทร์ทร ประหลาดเนตร แม่บ้าน ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองนอนหลับพักผ่อนอยู่กับสามีที่ชั้นบนของบ้าน จากนั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้กลิ่นเหม็นไหม้ ก่อนลงไปดูที่ชั้นล่างของตัวบ้านซึ่งทำเป็นที่เก็บของและจอดรถจักรยานยนต์ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเพลิงกำลังลุกลามไหม้ติดรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รับทราบ โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ที่แท้จริงครั้งนี้อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป