27 ก.พ.62 ที่ สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป3) , พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา , พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในคดีฆ่า นายธวัช สุขสังขาร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ก.พ.62 เวลาประมาณ  04.56 น.หน้าโรงเรียนนครหลวงอุดมรัชต์ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีคนร้าย จำนวน 2 คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ซุปเปอร์ ยิง นายธวัช สุขสังขาร อายุ 63 ปี ถึงแก่ความตาย โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการก่อเหตุ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนสามารถทราบผู้ร่วมก่อเหตุดังกล่าว และได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาล จำนวน 6 ราย ในข้อหา ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยการใช้จ้างวาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี จนสามารถจับกุมตัวได้ 4 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวให้ได้โดยเร็วที่สุด

ในเบื้องต้นสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ เกิดจากปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว โดยผู้ตายที่อยู่กินฉันสามีภรรยา กับ นางประภัสสร โท้ประยูร มาประมาณ 20 ปีเศษ ไม่มีบุตรด้วยกัน ระหว่างอยู่กินกันนั้นมักมีปัญหาขัดแย้งจนมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ เนื่องจากผู้ตายเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โมโห มีการต่อว่าดุด่า และบางครั้งยังเคยใช้อาวุธปืนข่มขู่จ่อศีรษะ นางประภัสสร อยู่บ่อยครั้ง จนนางประภัสสร เริ่มรู้สึกทนต่อสภาพดังกล่าวไม่ไหว ได้ติดต่อกับนายตะวัน หรือบอล สีเหลือง ให้ว่าจ้างมือปืน คือ นายมนตรี หรือก็อต ชมถนอม เป็นมือปืนสังหาร ในราคา 200,000 บาท โดยมี นายศราวุต หรือดีส เซ็นเจริญ เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ให้นายมนตรี มาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายธวัช ผู้ตาย ดังกล่าว

คดีนี้เป็นคดีที่อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญของประชาชน และสื่อมวลชนให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าผลของคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป3) ได้สั่งการกำชับให้เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชน โดยมีตำรวจภูธรภาค 1 , กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 , กองบังคับการปราบปราม และตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับผิดชอบร่วมกันสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ มาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย