การเดินทางไปแจกข้าวของแอปเตอร์ที่รัฐยะไข่นั้น ทางรัฐบาลเมียนมาได้มีการแจกจ่ายข้าวให้แก่ชาวเมียนมาและชาวเบงกาลี (ชื่อที่ชาวเมียนมาเรียกกลุ่มชาติพันธุ์โรฮีนจา) ซึ่งถือเป็นผู้ประสบภัยที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง ที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ตีความกันแล้วว่า ถือเป็นเหตุฉุกเฉินอย่างหนึ่ง คล้ายกับเหตุการณ์ขัดแย้งที่เมืองมาราวีของประเทศฟิลิปปินส์ ที่แอปเตอร์มีภารกิจครอบคลุมต้องเข้าไปช่วยเหลือ หากได้รับการร้องขอ
ข้าวสารที่นำไปแจกจ่ายที่เมืองบูทิดอง และเมืองมงดอนี้ได้รับการบริจาคจากรัฐบาลเกาหลีใต้ แต่การเข้าไปของคณะพวกเราคราวนี้
ไม่มีผู้แทนจากเกาหลีใต้ไปด้วย ทั้งนี้เพราะติดภารกิจสำคัญ แต่เผอิญคณะแอปเตอร์ที่ไปกันคราวนี้ มีผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นไปด้วย ก็เป็นการพอเหมาะพอดี เนื่องจากเวลาไปถึงจุดรับแจก ชาวบ้านคงนึกว่าแกเป็นคนเกาหลีใต้ แม้ว่าจะไม่ได้ผ่านการศัลยกรรมหน้า ต่างพากันตะโกนทัก อันยอง ฮาเซโย กันอยู่เป็นช่วงๆ ซึ่งแกก็ได้แต่ยิ้มๆ พร้อมโบกไม้โบกมือ เพื่อไม่ให้คนทักเสียกำลังใจหรือผิดหวัง
ที่บูทิดอง คณะเรานั่งรถยนต์ไปบนถนนแคบๆ ลาดยางแบบขรุขระ 3-4 จุด ทุกจุดผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องกล่าวปราศรัยด้วย และก็มีคนแปลเป็นภาษาเมียนมาให้ชาวบ้านฟัง เสร็จแล้วก็มีตัวแทนชาวบ้านกล่าวขอบคุณ ได้ข้าวคนละกระสอบเล็กๆ ก็พากลับบ้าน เป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่เมืองมงดอ ห่างไปสัก 30 กิโลเมตร แต่การเดินทางใช้เวลามาก เพราะเป็นภูเขา ถนนบางช่วงฝุ่นฟุ้งหนาแน่นมาก นึกถึงสมัยที่ผมเคยเรียนมัธยมในตัวจังหวัดเคยนั่งรถถนนฝุ่นเช่นเดียวกัน แต่สมัยก่อนผมสั้น ฝุ่นอาจจับได้ไม่ถนัดนัก แต่เวลานี้ผมยาว ฝุ่นชอบนัก จากที่เส้นผมนุ่มๆ เลยกลายเป็นผมแข็งกระด้าง หวีลำบากมาก ที่มงดอถือว่าเป็นเมืองชายแดนติดประเทศบังกลาเทศ เขตนี้จึงอ่อนไหวอย่างยิ่ง หน่วยรักษาความปลอดภัยของเมียนมาดูจะต้องปฏิบัติการคุ้มกันอย่างเข้มเป็นพิเศษ เหมือนสมัยที่ไปบริจาคข้าวที่เมืองมาราวี ฟิลิปปินส์ คราวนั้น เขาไม่กล้าจัดงานส่งมอบข้าวที่เมืองมาราวีโดยตรง แต่ไปจัดที่เมืองตั้งอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมีหน่วยรักษาความปลอดภัยครบ พวกเราเมื่อเสร็จพิธีมอบข้าวแล้ว จะขออนุญาตเลยไปดูสภาพเมืองมาราวีสักนิด แต่ฝ่ายความปลอดภัยไม่ยอม เราจึงอดเข้าไปดูเมืองเขา แต่ที่มงดอ ไม่เหมือนกัน เพราะแม้ชาวเบงกาลีบางส่วนได้อพยพลี้ภัยความขัดแย้งข้ามไปอยู่ที่บังกลาเทศ ทว่า ยังมีชาวเบงกาลีส่วนที่ยังอาศัยอยู่พื้นที่ความขัดแย้ง ดังนั้น ตอนที่ผมไปแจกข้าว เลยได้มีโอกาสได้เห็นความเป็นไปของเมือง พร้อมๆ กับการแจกข้าวให้กับประชาชนที่ยากจน ทั้งที่เป็นชาวเมียนมาและเบงกาลีที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น ข่าวการนำข้าวไปแจกโดยแอปเตอร์ ในประเทศเมียนมา โดยเฉพาะที่รัฐยะไข่นี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก สื่อวิทยุโทรทัศน์ต่างตามไปทำข่าวกันเพียบ มีการสัมภาษณ์ผู้ใหญ่หลายคน หลายประเด็น เริ่มตั้งแต่ท่านรัฐมนตรี รองอธิบดี (ซึ่งท่านนี้เป็นคณะมนตรี หรือ APTERR Council ด้วย) รวมไปจนถึงตัวผมเอง เมื่อเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงของรัฐ คือ ชิตตเวแล้ว เกษตรจังหวัดได้พารองอธิบดีและคณะแอปเตอร์ไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นเวลาข่าวโทรทัศน์อยู่พอดี ปรากฏว่าท่านเกษตรจังหวัดได้แจ้งว่าจะมีข่าวการแจกข้าวพวกเราในวันนี้ออกอากาศในระดับประเทศ ก็พากันจ้องไปที่โทรทัศน์ในร้านอาหารเป็นจุดเดียว ผมเองก็พลอยชื่นชมยินดีด้วยอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นผลงานของรองอธิบดีเขา มีภาพการออกสัมภาษณ์หลายช่อง หลายเวลาอย่างชัดเจน คงเตะตารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ หรือ ท่านออง ซาน ซู จี บ้างละ เลยอวยพรท่านว่า ได้ออกข่าวดังๆ แบบนี้ เดี๋ยวคงได้รับการโปรโมทให้เป็นอธิบดีแน่นอน แกก็กล่าวของคุณและยิ้มๆ แล้วก็ให้ข้อเท็จจริงว่า คงไม่เร็วหรอกที่จะได้เป็น เพราะอธิบดีคนปัจจุบันของแกเป็นรุ่นน้อง จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพิ่งอายุประมาณ 50 เท่านั้น อ่อนกว่าแกตั้ง 6-7 ปี คงต้องร้องเพลงรออีกนานโขเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี