ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชทางเลือกที่รัฐบาลส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก ตามโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวให้เป็นพื้นที่การปลูกพืชชนิดอื่น เพื่อปรับสมดุลของปริมาณการผลิตข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สร้างโอกาสให้เกษตรกรมีรายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่สูงขึ้น
สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น ตลาดในประเทศยังคงมีความต้องการสูง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมองเห็นโอกาสในการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก โดยการประสานความร่วมมือกันของ 5 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีการสร้างแรงจูงใจต่างๆ ให้เกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปลงทุนซื้อหาปัจจัยการผลิตและเตรียมพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด การประกันภัยผลผลิตเพื่อป้องกันความเสี่ยงหากได้พื้นที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ และประสานกับบริษัทเอกชนที่เป็นสมาชิกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์เข้ามารับซื้อข้าวโพดผ่านสหกรณ์
นายธีระยุทธ ธรรมชีวัน
สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด จังหวัดพิษณุโลก เป็นอีกหนึ่งสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เริ่มดำเนินโครงการ ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2561 มีสมาชิกสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 229 ราย พื้นที่การเพาะปลูก 5,123 ไร่ ซึ่งขณะนี้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการได้นำผลผลิตข้าวโพดมาขายให้กับสหกรณ์แล้ว
นายธีระยุทธ ธรรมชีวัน ผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด เล่าว่า หลังจากที่สหกรณ์ฯ ได้มีการส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา โดยสหกรณ์ฯ จะดูแลสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การรวบรวมผลผลิต และจัดหาตลาดมารับซื้อ ปีนี้ผลผลิตค่อนข้างดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 1,200–2,000 กิโลกรัม ซึ่งขณะนี้สหกรณ์ฯ ได้รวบรวมและรับซื้อผลผลิตข้าวโพดทั้งหมดจากสมาชิกแล้ว จำนวน 11,588.865 ตัน มูลค่า 70,478,840 บาท โดยสหกรณ์ฯสร้างแรงจูงใจสมาชิกเพื่อให้นำข้าวโพดมาจำหน่ายให้สหกรณ์ฯ ด้วยการรับซื้อในราคาสูงกว่าราคาท้องตลาด ตันละ 200 บาท ทำให้สมาชิกนำผลผลิตมาจำหน่ายมากขึ้น หากเปรียบเทียบปริมาณผลผลิตทั้งหมดที่สหกรณ์ฯ รวบรวมได้ระหว่างปีนี้กับปีที่ผ่านมา พบว่า ผลผลิตที่รวบรวมได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว นอกจากนี้ราคารับซื้อในปีนี้ยังสูงขึ้นจากเดิมอีกกิโลกรัมละ 1 บาท ส่งผลให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด มีความพร้อมด้านอุปกรณ์การตลาด ทั้งโกดัง ฉาง และลานตาก เนื่องจากได้รับงบอุดหนุนจากจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตามโครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บผลผลิตทางการเกษตร (แก้มลิง) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน 15,100,000 บาท ในการสร้างลานตาก ขนาด 3,200 ตารางเมตร และฉาง ขนาด 10,000 ตัน เพื่อรองรับผลผลิตข้าวโพดจากสมาชิก และนำข้าวโพดเหล่านั้นมาอบลดความชื้น แยกสิ่งเจือปน แล้วจึงส่งขายให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ของบริษัท ซีพีต่อไป
“เมื่อสหกรณ์ฯ มีอุปกรณ์ทางการตลาดครบครัน ทำให้รับซื้อผลผลิตจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปได้อย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือข้าว ในราคาที่เป็นธรรม สร้างความเชื่อมั่น สร้างแรงศรัทธาให้กับสมาชิกที่มีต่อสหกรณ์ว่ายังเป็นที่พึ่งของเขาได้” นายธีระยุทธ กล่าว
ด้านนางกำไร อิ่มใจ เลขานุการ สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด กล่าวเสริมว่า จากการประเมินผลการดำเนินโครงการฯ สมาชิกส่วนใหญ่พึงพอใจในรายได้ที่เพิ่มขึ้นและดีกว่าการทำนาเพียงอย่างเดียวรวมทั้งเห็นถึงประโยชน์ของการปลูกข้าวโพดทดแทนการทำนาปรัง จึงวางแผนปลูกปีต่อไปและสหกรณ์ฯ เริ่มส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวโพดหวานเพิ่มขึ้น เนื่องจากใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 75 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้ และจำหน่ายแบบสดไม่ต้องสี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้สมาชิกอีกทางหนึ่ง
โครงการสานพลังประชารัฐ สร้างรายได้เสริมให้สมาชิก จากการเปลี่ยนไปปลูกพืชอย่างอื่นที่ตลาดกำลังต้องการช่วงหลังฤดูทำนาแล้ว ดินก็ยังได้รับการพักฟื้นฟูแร่ธาตุสารอาหารด้วย เมื่อถึงฤดูทำนาปีอีกครั้ง จะทำให้ข้าวที่ได้มีคุณภาพ มาตรฐาน และยังช่วยให้ประเทศลดการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศได้อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี