ชาวนานอกเขตชลประทานที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ลดพื้นที่ทำนาข้าว โดยหันมาปลูกถั่วลิสงแทน ระบุเป็นพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย ทนทานต่อโรคและศัตรูพืชรบกวน หากฝนทิ้งช่วงไม่เกิดผลกระทบ มีตลาดรองรับผลผลิตกว้างขวาง จำหน่ายได้ราคาสูงกว่าข้าว อ้อยและมันสำปะหลัง เผยแหล่งรับซื้อราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 18-30 บาท
10 มิ.ย.62 จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพเกษตรกรรม อาชีพหลักของชาวกาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ในช่วงเริ่มต้นเพาะปลูกปีนี้ พบว่า นอกจากจะมีการปลูกข้าวนาปี ที่เป็นนาหว่านและนาดำแล้ว ยังมีการทำเกษตรผสมผสานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน ที่เกษตรหลายรายลดพื้นที่ทำนา รวมทั้งลดพื้นที่ที่เคยปลูกมันสำปะหลังและอ้อย หันมาปลูกพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่แทน
นายบุญจันทร์ แก้วใส อายุ 59 ปี เกษตรกรบ้านโคกแง้ หมู่ 5 บ้านเลขที่ 54 ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า พื้นที่นาของตนและเพื่อนเกษตรกรในเขต ต.เขาพระนอน หลายหมู่บ้าน อยู่บนที่สูง นอกเขตชลประทาน การทำนาต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก หากปีใดฝนดีก็พอได้เก็บเกี่ยวผลผลิตไว้เป็นอาหารในครัวเรือน และแบ่งขายพอมีรายได้มาจุนเจือครอบครัว หากปีใดฝนแล้งก็จะทำให้ต้นข้าวตาย ผลผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ช่วงเวลาเวลา 5-10 ปีที่ผ่านมา ตนและเพื่อนเกษตรกรหลายรายได้ลดพื้นที่ทำนา โดยแบ่งปลูกมันสำปะหลังและอ้อย เพื่อต้องการรายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัวและใช้หนี้สินที่กู้ยืม ธ.ก.ส.มาลงทุน
นายบุญจันทร์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากราคารับซื้อข้าวเปลือก มันสำปะหลังและอ้อยราคาไม่แน่นอน ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทั้งปุ๋ย ยา ค่าแรงและค่าขนส่ง รายได้ไม่คุ้มกับการลงทุน ในฤดูกาลผลิตปีนี้ จึงได้หันมาทดลองปลูกพืชทางเลือกชนิดใหม่และมีการปลูกผสมผสานนำพืชหลากหลายมาปลูก หวังนำผลผลิตจำหน่ายในชุมชน เช่น ถั่วลิสง มะเขือพวง และดอกกระเจียว
“ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการทำนาข้าวและพืชสวนพืชไร่อย่างอื่น ที่ราคาไม่แน่นอน ต้นทุนการผลิตสูงและไม่มั่นใจว่าฝนจะทิ้งช่วงหรือไม่ จึงได้ลดพื้นที่ทำนาข้าว และพื้นที่ที่เคยปลูกมันสำปะหลัง อ้อยและนาหว่าน โดยปลูกถั่วลิสงแทน ซึ่งเป็นพืชที่อายุสั้น ใช้น้ำน้อย ทนทานต่อโรคระบาดและสัตรูพืชรบกวน หากฝนทิ้งช่วงไม่เกิดผลกระทบ โดยหน้าฝนปีนี้ทดลองปลูก 2 ไร่ มีการเตรียมแปลงปลูก หว่านปูนขาว ใช้แรงงานในครอบครัวช่วยกันปลูกและดูแลรักษา ก่อนปลูกได้ศึกษาข้อมูล หาแหล่งเมล็ดพันธุ์ที่เชื่อถือได้ สำรวจช่องทางตลาด ทราบว่าตลาดรับซื้อผลผลิตกว้างขวาง เมล็ดถั่วขายได้ทั้งเมล็ดสดและเมล็ดแห้ง ราคาสูงตั้งแต่กิโลกรัมละ 18-30 บาท คาดว่าจะขายได้กำไรดีกว่ามันสำปะหลัง อ้อย และข้าวนาปี” นายบุญจันทร์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี