12 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา ได้นำผลิตภัณฑ์จากปอเทือง อาทิ ชาปอเทือง สบู่ แชมพู เสื้อ กระเป๋า หมวกที่ได้จากเส้นใยปอเทือง มาโชว์ ในเวที การยกระดับและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปอเทือง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยว ของกลุ่มชุมชนรำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา
ดร.นราวดี บัวขวัญ รองอธิการบดี ม.ราชภัฏสงขลา กล่าวว่า ในส่วนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลาซึ่งได้ร่วมกับทางสก.สว. งานสนับสนุนทุนซึ่งเดิมชื่อสกว. งานคณะกรรมการการวิจัย ซึ่งได้ให้ทุนสนับสนุนกับทางมหาวิทยาลัย มาขับเคลื่อนเรื่องราวของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ของชุมชนรำแดง พื้นที่ภายในโครงการซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมาย ในพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10
เพราะฉะนั้นทางมหาลัยเองก็ได้นำทีมนักวิจัยลงไปศึกษาถึงพืชสำคัญที่ทางชุมชนได้ นำเสนอถึงความสวยงามและต้องการที่จะเชื่อมโยงเรื่องของการท่องเที่ยว แต่เราเองอยากจะให้เห็นว่าพืชดังกล่าว มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ก็เลย ให้นักวิจัยได้ศึกษาค้นคว้าดู จากตัวปอเทือง ว่ามีสารอะไรอยู่บ้าง ตั้งแต่ในเฟสที่ 1 เมื่อปีที่ผ่านมา ก็เป็นกระบวนการภายในแลป เพื่อที่จะหาสาร สรรพคุณต่างๆก็พบว่าปอเทืองนี้มีสรรพคุณในการ ต้านสารอนุมูลอิสระ รวมทั้งตัวเส้นใย มีความแข็งแรงยังมีความแข็งแรงคงทน แล้วก็สามารถที่จะแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆและสามารถที่จะแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้
เพราะฉะนั้นในปีที่ 2 หรือเฟสที่ 2 ทางมหาวิทยาลัยเองโดย คณะนักวิจัย พยายามที่จะพัฒนา product และดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ กับอัตลักษณ์ของชุมชนรำแดง เพื่อที่จะยกตัวอย่าง ยกระดับให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว มุ่งเน้นสร้างรายได้ เศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนรวมไปถึงสร้างคุณภาพชีวิต ที่ดีให้กับชุมชนรำแดง ซึ่งเป็นชุมชนในพื้นที่พระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
โดยส่วนตัวมองว่า เศรษฐกิจฐานรากเป็นส่วนสำคัญมากๆจะเป็นฐานลำดับล่างเลยที่จะส่งผลให้ประเทศชาติเข้มแข็ง มันต้องมาจากฐานของชุมชน เพราะว่าฐานคนส่วนใหญ่ของประเทศนั่นคือชุมชน ทรัพยากรส่วนใหญ่ชุมชนเป็นเจ้าของ เมื่อฐานรากเข้มแข็งก็จะส่งผลให้ประเทศเข้มแข็ง ไปด้วยเพราะฉะนั้นทางราชภัฏเองได้ให้ความสำคัญในเชิงพื้นที่ ให้ความสำคัญกับชุมชนเป็นอย่างมากที่จะร่วมเดินไปด้วยกันกับชุมชน ทั้งในพื้นที่ของสงขลา พัทลุง รวมถึง จ.สตูล และอีกหลายๆพื้นที่ที่สามารถเชื่อมโยง ความร่วมมือได้ก็พร้อมที่จะเดินเคียงคู่ไปกับชุมชน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ชุมชน เกิดความยั่งยืน
ด้าน ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผอ.ฝ่ายวิจัยมุ่งเป้า สกสว. กล่าวว่า สนับสนุนทุนวิจัยในพื้นที่ รำแดง รวมทั้งทะเลสาบสงขลา ก็เริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 -2558 เดิมทีก็ทำ ในมิติการท่องเที่ยว แล้วก็พยายามที่จะเชื่อมโยงให้เห็นวิถีวัฒนธรรมของชาวลุ่มน้ำ ซึ่งก็ครอบคลุมทั้งหมด 3 จังหวัด แล้วก็จะมุ่งเน้นในเรื่องของการเคลื่อนเรื่องการยกระดับรายได้ด้วย แล้วก็จะมีชุมชนต่างๆเข้ามาร่วมกับทางนักวิจัย มันไม่ใช่เป็นลักษณะของงานวิจัย ที่เป็นงานวิชาการอย่างเดียว เเต่จะดึงภาคีต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมด้วย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยหรือสกสว. ก็มองว่าการเคลื่อนงานในลักษณะแบบนี้มันเป็นต้นแบบ ที่ดีก็พยายามที่จะนำในเรื่องของการพัฒนาชุมชนในเรื่องของการท่องเที่ยว การเดินทางการโยกย้ายของนักท่องเที่ยวที่เป็นโลจิสติกส์ เราก็เลยเอาทุนวิจัย มาอุดหนุนเสริมในชุดของการท่องเที่ยวโดยตรงเป็นชุดของ smes และโลจิสติกส์ ก็จะเห็นงานที่ออกมาเป็นรูปธรรม แล้วก็สามารถนำไปใช้ได้
อย่างเช่น จ.พัทลุง เป็นจังหวัดที่เป็นหนึ่งใน 55 เมืองรองก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาค่อนข้างเยอะมากเพราะจากกระบวนการวิจัยเราก็ มีทีมนักวิจัยรายงานว่า มีททท.ทั้งในส่วนของปาร์ค ของปารีสต่างๆรวมทั้งผู้ประกอบการในฝั่งของประเทศไทยด้วยให้ความพยายามที่จะดำเนินงานต่างๆที่เป็นเส้นทาง การท่องเที่ยวในเชิงวิถีวัฒนธรรม นำไปเผยแพร่ในระดับโลกทั้งงานของประเทศอังกฤษ และงานที่ประเทศเยอรมัน ก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาค่อนข้างมาก ถ้าวัดระดับรายได้แล้วของจังหวัดพัทลุง ก็ขึ้นขยับขึ้นมาเป็นลำดับ 3 ของ 55 จังหวัด ที่เป็นเมืองรอง อันนี้ถือได้ว่าเป็นการวัดผลในเชิงประจักษ์ ทั้งพี่น้องชาวลุ่มน้ำกับท้องถิ่นด้วยมีการเข้ามาขับเคลื่อนในเรื่องของการทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี อันนี้ก็เป็นแนวทางที่ทางสกว.เดิมให้การหนุนเสริมอยู่ โดยฝ่ายการวิจัยมุ่งเป้า ก็ต้องขอบคุณทางภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของชุมชนในส่วนของเจ้าของบ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ที่เข้ามาช่วยกันขยับงานชิ้นนี้
ในอนาคต ตามที่ได้เรียนในตอนต้นว่าเป็นกระทรวงใหม่ คือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เราจะให้โอกาสแก่ภาคีแก่ชุมชน ในการที่จะเข้ามาเชื่อมโยง กับภาควิชาการ และของบประมาณไปดำเนินการ เรื่องของงานวิจัยได้โดยตรง ในขณะเดียวกัน เวลาทำงานไม่ว่าจะเป็น งานวิจัยที่ลงไปยังชุมชน ถ้ามองในด้านของการตลาด เราพยายามที่จะเข้าไปเสริม ในส่วนที่จะทำให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชน ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาแต่เราก็จะเน้นความ ยั่งยืนเน้นความเป็นวิถีเดิม
เนื่องจากว่าความเข้มแข็ง ของสกว. เดิม มีโครงการชุด 1 ที่เป็นการทำงานร่วมกับชุมชน เรียกว่าเป็นการเปิดเวทีชาวบ้าน ให้ชาวบ้านเข้ามาเป็นนักวิจัย ซึ่งก็อยู่ในรอบลุ่มน้ำทะเลสาบ 3 จังหวัดค่อนข้าง เข้มแข็งมาก ซึ่งเป็นโหนดของการวิจัยเพื่อชุมชน การวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น หรือ CBR เดิม อันนี้ถือว่าเป็นการทำงานที่เสริมศักยภาพให้กับชุมชน ชาวบ้านมาเป็นนักวิจัยเลยแต่จะมีพี่เลี้ยงด้วย
เรามีกระบวนการพี่เลี้ยง ก็หมายความว่า ในส่วนที่จะเป็นโมเดลหรือในส่วนที่จะเป็นเมทโทรโลยี ระเบียบวิธีวิจัยต่างๆ ก็จะขึ้นอยู่ทางฟากของพี่เลี้ยง ที่จะเข้าไปช่วยแต่ไม่ได้ทำเพียว จะเป็นลักษณะของการปรับประยุกต์ ให้เข้ากับแนวทางให้เข้ากับวิถี การพัฒนาของพื้นที่นั้นๆเป็นหลัก อันนี้ถือเสมือนว่าไม่ได้ทำงานเป็นนักวิชาการ ที่จะเข้ามาแล้วไม่ได้รับฟังความคิดอะไรเลย แต่เป็นการทำงานร่วมกัน และสร้างความเข้มแข็งไปพร้อมๆกัน
ขั้นตอนในการพัฒนาข้อเสนอโครงการ เราก็จะต้องของบประมาณ แผ่นดิน เข้ามาหนุนเสริม จะมีการพัฒนาโจทก์ร่วมกัน ต้องมาจากฐานความต้องการ ที่จะพัฒนาของชุมชน ของพื้นที่เป็นหลัก เราจะ ไม่ได้ปล่อยโจทย์ในลักษณะที่เป็นความต้องการของนักวิจัย หรืออาจารย์มหาวิทยาลัยเท่านั้น ก็จะเอาความต้องการความประสงค์ ในการที่จะพัฒนายกระดับ ผลิตภัณฑ์ในการทำให้เกิดการท่องเที่ยวยั่งยืนหรืออาจจะเป็นเรื่องติดขัดอันนี้ยกตัวอย่าง ทะเลน้อย ในเรื่องของระบบโลจิสติกส์ ความปลอดภัยหรืออะไรต่างๆ เราจะเอาฐานความจำเป็นเร่งด่วนตรงนี้ จึงมาเติมเรื่องของกระบวนการวิจัย เพื่อให้งานวิชาการเข้าไปเป็นแกน ในการที่จะเสนอยุทธศาสตร์ เชิงนโยบายไปยังรัฐบาล งบประมาณก็จะกลับเข้าคืนมาในส่วน ของพื้นที่
ในส่วนของงานวิจัยสามารถโยกย้ายไปยังพื้นที่อื่นได้เลย ไม่ต้องทำการวิจัยใหม่แล้ว เป็นลักษณะของการถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก็จะเอาต้นแบบที่ทำสำเร็จ เอาไปขยายผลในพื้นที่อื่น ไม่ต้องเสียเวลาทำวิจัยต่อแล้ว แต่ว่านักวิจัยซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในมหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก ก็จะต้องเชิญพี่น้องชุมชนภาคีต่างๆ เข้ามาร่วมด้วย จะได้ทำให้เกิดความยั่งยืนเพราะว่า ถ้าจบงานวิจัยแล้วชุมชนต้องสามารถอยู่เอง ได้ทำเองได้ อันนี้ก็เป็นเป้าประสงค์หลักอันหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี