สั่งประหารสาว"อ้อแอ้"ลักลอบขนยาอีกว่า5พันเม็ดรูปแบบใหม่ลายการ์ตูน ผสมยาปลุกเซ็กซ์ซุกในกล่องอาหารแมว ขึ้นเครื่องจากแดนกังหันลมหวังมาปล่อยให้ลูกค้าในกทม. ก่อนถูกตำรวจรวบคาสนามบิน สารภาพเหลือติดตลอด ส่วนเพื่อนอีก2คนรอด ยกฟ้อง หลักฐานไม่พอ
13 มิ.ย.62 ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำอย.1883/2561 ที่ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.อัมพิกา หรืออ้อแอ้ ปะติตัง อายุ 26 ปี ชาว จ.หนองคาย , น.ส.วรารัตน์ หรือแอ๋ม จันทมาส อายุ 26 ปี ชาว กทม.และนายทรงพล ทมิยะ อายุ 34 ปี ชาว จ.นนทบุรี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในฐานความผิดร่วมกันนำเข้า 3 , 4 เมทิลลีน ไดออกซิเมทแอมเฟตามีน ไฮโดรคลอไรด์ หรือยาอี ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายฯ ร่วมกันมียาอีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 , 7 , 8 , 15 , 65 , 66 , 100/1 , 102 พ.ร.บ.มาตการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3 , 5 , 7 , 8 , 14 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 5 , 6 , 32 , 33 , 83
โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 4 - 8 มี.ค.61 จำเลยทั้งสามได้สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยจำเลยร่วมตกลงวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ ร่วมกันออกเงินซื้อยาอีจากประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศไทย โดยจำเลยที่ 1 - 2 ทำหน้าที่เก็บรักษา ครอบครองและขนลำเลียงยาอีจำนวน 5,731 เม็ด เข้ามาในราชอาณาจักร เดินทางผ่านมาทางสนามบินสุวรรณภูมิลักลอบนำเอายาอี ที่บรรจุในกล่องอาหารสัตว์ซุกซ่อนในกระเป๋าเป้สะพายหลังที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้า ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ ส่วนจำเลยที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ตามหมายจับ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.61
ชั้นพิจารณา น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วน น.ส.วรารัตน์ และนายทรงพล จำเลยที่ 2 - 3 ให้การปฏิเสธ โดยระหว่างพิจารณาคดีในชั้นศาล จำเลยทั้งสาม ไม่ได้รับการประกันตัว
โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัว จำเลยทั้งสามมาจากเรือนจำเพื่อฟังคำพิพากษา โดยมีเพื่อนและญาติกว่า 10 คน เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่นำสืบในคดีแล้ว โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ซึ่งเป็นชุดจับกุมมาเบิกความถึงรายละเอียดสอดคล้องต้องกันว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมหญิงคนหนึ่งชื่อลูกเกด ซึ่งมียาอีจำนวนหนึ่งไว้ในครอบครอง เมื่อสอบสวนขยายผลทราบว่าได้ติดต่อซื้อยาอีจาก น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 ผ่านโปรแกรมแชท LINE เมื่อตรวจสอบการสนทนาพบว่า จำเลยที่ 1 แจ้งว่าจะนำยาอีจากประเทศเนเธอร์แลนด์มาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายให้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 กับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จนทราบข้อมูลว่าจำเลยที่ 1 กำลังจะกลับเข้ามาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็พบว่าจำเลยที่ 1 เดินทางมาพร้อมกับจำเลยที่ 2 โดยช่วงที่ไปรับกระเป๋าเดินทางก็มีท่าทางพิรุธ ระแวดระวัง ระหว่างนั้น จำเลยที่ 1 ได้นำกระเป๋าเป้สะพายลายทหารออกจากกระเป๋าเดินทางมาสะพายหลัง แล้วเดินออกมา เจ้าหน้าที่ซึ่งสะกดรอยตามได้แสดงตัวขอตรวจค้นกระเป๋าพบยาอีของกลางซุกซ่อนปะปนอยู่ในอาหารแมวที่ใส่ไว้ในกล่องอาหาร โดยในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 รับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 - 3 นำเงินซื้อยาอี จากประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยลงทุนคนละ 100,000 บาท จำเลยที่ 3 จำนวน 80,000 บาท
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาคำเบิกความพยานโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ขณะจับกุมแล้วเชื่อว่า เบิกความตามข้อเท็จจริงที่ได้รู้เห็นซึ่งเบิกความสอดคล้องกันเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 แล้ว ฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง
ส่วน น.ส.วรารัตน์ จำเลยที่ 2 แม้ในชั้นสอบสวน น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 จะให้การว่าร่วมลงทุนด้วยกันแต่คำเบิกความนั้นเป็นลักษณะพยานบอกเล่าที่จะต้องนำสืบและรับฟังร่วมกันพยานอื่นด้วย ซึ่งโจทก์ไม่มีพยานปากอื่นมาเบิกความยืนยัน คงมีเพียงข้อมูลที่พบว่าจำเลยที่ 2 เดินทางมาพร้อมกับจำเลยที่ 1 โดยชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธมาตลอด ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พยานหลักฐานโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงยังมีเหตุสงสัยตามสมควรจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง เช่นเดียวกับ นายทรงพล จำเลยที่ 3 ที่คงได้ความเพียงว่า จำเลยที่ 3 เคยร่วมเดินทางกับจำเลยที่ 1 ช่วงเดือน ก.ค.60 เท่านั้น แต่ก็ไม่มีการดำเนินการจับกุมในขณะนั้น
ตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงรับฟังได้เฉพาะ น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 ว่า นำเข้ายาอี ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายฯ และมียาอีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.มาตการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ให้ลงโทษบทหนักสุด
พิพากษาประหารชีวิต น.ส.อัมพิกา จำเลยที่ 1 ฐานนำเข้ายาอี เข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรฯ จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้ตลอดชีวิต ริบของกลาง
ส่วน น.ส.วรารัตน์ และนายทรงพล จำเลยที่ 2 - 3 ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสอง พิพากษายกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษเพื่อนและญาติของจำเลยที่ 2 และ 3 ต่างส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ ส่วน น.ส.อัมพิกา หรือ อ้อแอ้ ซึ่งสวมชุดนักโทษสีน้ำตาล และสวมแมสปิดใบหน้า มีท่าทางซึมเศร้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 มี.ค.61 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ได้แถลงข่าวจับกุม น.ส.อัมพิกา หรืออ้อแอ้ ปะติตัง , น.ส.วรารัตน์ หรือแอ๋ม และนายทรงพล ทมิยะ ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในข้อหาลักลอบจำหน่ายยาอีชนิดใหม่รูปตัวการ์ตูนดังกล่าว ซึ่งนำมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน นักศึกษา เมื่อเสพเข้าไปจะออกฤทธิ์ให้มีความรู้สึกเพลิดเพลินและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และถือเป็นเรื่องภัยคุกคามทางเพศ กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเมืองไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี