นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่าสถานการณ์ยางพาราครึ่งปีหลังแนวโน้มราคาดีขึ้น เพราะความต้องการทั้งตลาดต่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้น โดยตลาดล่วงหน้าต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ผลจากความต้องการใช้ยางแผ่นรมควันในอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับจีนตลาดใหญ่ของยางไทยที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้น ประกอบกับกยท.ใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางด้วยการเข้าไปประมูลยางแผ่นรมควัน เพื่อดูดซับปริมาณยางส่วนเกินในตลาดกลางยางพาราของ กยท. ทำให้ปริมาณยางส่วนเกินลดลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ราคายางสังเคราะห์คู่แข่งยางธรรมชาติปรับราคาสูงขึ้นด้วย ตลาดผู้ใช้ยางจึงหันมาใช้ยางธรรมชาติมากขึ้น โดยราคายางต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยางแผ่นดิบอยู่ที่ 55.99 บาทต่อกกิโลกรัม ยางแผ่นรมควันอยู่ที่ 59.75 บาทต่อกกิโลกรัม ส่วนราคาประมูล ณ ตลาดกลางยางพารา ยางแผ่นดิบอยู่ที่ 56.23 บาทต่อกิโลกรัม ราคายางแผ่นรมควันเฉลี่ยอยู่ที่ 60.05 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนความต้องการใช้ยางในประเทศนั้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการสร้างถนนผสมยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ล่าสุดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศใช้งบทำถนนพาราซอยซีเมนต์แทนถนนลูกรังปีละประมาณ 50,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ ถนน 1 กิโลเมตร ใช้ยางพารา 1.3 ตัน แต่ละปีจะใช้ปริมาณยางสร้างถนนไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านตัน ดูดซับปริมาณยางในตลาดได้จำนวนมาก ประกอบปัจจัยทางการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายสำคัญเรื่องยางพารา ต้องมีมาตรการสร้างเสถียรภาพราคาให้สูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ราคายางครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะยางแผ่นรมควันราคาอาจทะลุ 60 บาทต่อกิโลกรัมแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี