เตือน14จว.
นอกเขตชลประทาน
ฝนทิ้งช่วงถึงกลางกค.
สทนช.ห่วงพื้นที่นอกเขตชลประทาน 14 จว. เผชิญแล้งเหตุฝนทิ้งช่วง ปริมาณฝนตกน้อยกว่า 10 มม. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแจ้งเตือนเกษตรกร หวั่นพื้นที่การเกษตรเสียหาย เน้นเฝ้าระวังถึงกลางเดือนกรกฎาคม ด้านกรมชลฯปล่อยน้ำช่วยชาวนาสุพรรณฯประสบปัญหาขาดน้ำ ข้าวตั้งท้องยืนต้นตาย
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่าจากการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำพบว่าถึงแม้ไทยเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้นแต่จากการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์ฝนสะสม10วัน ที่ผ่านมา มีพื้นที่ปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 10 มิลลิเมตร (มม.)เป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน และไม่มีแหล่งน้ำต้นทุนสำรอง ซึ่งอาจเสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และพื้นที่เกษตรอาจได้รับความเสียหาย14จังหวัด 36อำเภอ อาทิ จ.เชียงใหม่ สุพรรณบุรี นครราชสีมา ชลบุรี โดยมีถึง3 อำเภอ ใน 3จังหวัดไม่มีฝนตกเลยติดต่อกัน10วันได้แก่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย อ.สีชัง จ.ชลบุรี และ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด โดย สทนช.ยังวิเคราะห์พื้นที่ปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 50มม.โดยกำหนดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังนอกเขตชลประทาน 46 จังหวัด 169 อำเภอ อาทิ จ. เชียงใหม่ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช ชลบุรีซึ่ง สทนช.จัดส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อแจ้งเตือนเกษตรกร พร้อมให้ความช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ
นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า อีกทั้ง เพื่อให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร วางแผนบินทำฝนหลวงเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่า 30% แบ่งเป็น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 22 แห่ง และอ่างขนาดกลาง 172 แห่ง เพื่อเติมน้ำในอ่างฯและกักเก็บปริมาณน้ำให้ได้มากที่สุด รวมทั้งแผนการบริหารจัดการน้ำในอ่างฯ โดยระบายน้ำด้วยความระมัดระวัง
จากสภาพอากาศแนวโน้มจะมีฝนตกมากในภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ขณะที่พื้นที่ตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนล่างจะมีฝนน้อย โดยเฉพาะภาคกลาง มักเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงมาก อาจก่อให้เกิดการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน ดังนั้น ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำช่วงฝนทิ้งช่วงถึงกลางเดือนกรกฎาคมที่จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร โดยประเทศไทยจะกลับมามีฝนตกชุกหนาแน่นต่อเนื่องช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน
วันเดียวกัน นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวนาดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรีที่กำลังเดือดร้อนเพราะขาดน้ำทำนา หลังฝนทิ้งช่วง นาข้าวใกล้เสียหายยืนต้นตาย โดยให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าโบสถ์ชะลอรับน้ำเข้าพื้นที่ 2 วัน รวมทั้งประสานโครงการชลประทานชัยนาท กำชับให้พื้นที่ทุ่งวัดสิงห์ ช่วง กม. 0-20 ที่มีพื้นที่ติดกับคลองมะขามเฒ่า–อู่ทอง พิจารณารับน้ำเข้าพื้นที่ตามความจำเป็น อีกทั้ง สำนักชลประทานที่ 12ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ขนาด 12 นิ้ว 4 เครื่องสูบน้ำจากลำน้ำธรรมชาติ มาเติมให้คลองมะขามเฒ่า–อู่ทอง ช่วงกม.47เป็นช่วงท้ายของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าโบสถ์ เชื่อว่าจากมาตรการแก้ปัญหาดังกล่าวจะทำให้มีน้ำไหลลงคลองมะขามเฒ่า–อู่ทองและกระจายเข้าพื้นที่ของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดอนเจดีย์ อย่างน้อยประมาณ 2 เท่า จากเดิมมีน้ำเพียง 4 ลบ.ม.เพิ่มเป็น 8 ลบ.ม.
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่าสำหรับปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ในเกณฑ์น้อย ได้เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลจากเดิมวันละประมาณ 23 ล้านลบ.ม. เป็นวันละ 25 ล้าน ลบ.ม. ระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ทยอยยกตัวสูงขึ้น ในอีก 5 วันข้างหน้า ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าสู่คลองมะขามเฒ่า–อู่ทองได้มากขึ้น ช่วยคลี่คลายปัญหาการขาดแคลนน้ำให้ชาวนาในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดอนเจดีย์ที่อยู่ท้ายคลองมะขามเฒ่า–อู่ทองได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี