เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2562 จากกรณี น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือน้องหญิง อายุ 19 ปี เสียชีวิตปริศนา หลังกลับจากเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.อยุธยา โดยมีนายสุรพล ดาราคำ หรืออ๊อฟ อายุ 23 ปี เป็นผู้ขับรถเทรลเลอร์พาไปส่งบ้าน พร้อมอ้างว่าน้องหญิงกระโดดลงจากรถจนเสียชีวิต แต่ญาติไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม ล่าสุดศาลอยุธยาพิพากษายกฟ้องนั้น
ล่าสุด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมทนายประชาชน ที่มีชื่อเสียงจากคดีหวย30 ล้าน โพสต์ข้อความชี้แจงในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า
ก่อนที่ผมจะมาทำคดีน้องหญิง ผมรับรู้ว่าสังคมเชื่อไปหมดแล้วว่าอ๊อฟเป็นคนฆ่าน้องหญิง ดังนั้นถ้าผมทำมีแต่ผลลบ กับแค่เสมอตัว เมื่อผมได้ดูหลักฐานต่างๆ มันไม่ใช่แบบที่คนภายนอกได้เห็น ผมก็เลยคิดว่าแค่อยากทำให้ความจริงเรื่องนี้ปรากฎ ส่วนศาลท่านจะพิพากษาอย่างไร ก็เป็นดุลพินิจของศาล
หลังจากที่ผมไปออกรายการให้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่คนส่วนมากไม่ฟังเนื้อหา แล้วยังมีคนเชื่อผิดๆตามลมปากของคนที่ใช้กระแสโซเชียลปั่นคดี เช่นเชื่อว่าตกรถทำไมไม่มีรอยแผลในร่างกาย ทั้งๆที่ตามรายงานแพทย์มีรอยถลอกมากกว่า 20 จุด และตามแนวทางนำสืบแพทย์ แผลเกิดจากการตกลงมาแล้วไถลกับพื้น
ส่วนคำถามที่ว่าถ้าอ๊อฟไม่ทำแล้วน้องหญิงจะตายได้ยังไง เรื่องนี้มีแค่ 2 คนที่รู้ แต่หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ คือการผ่าร่างกายโดยหมอนิติเวชแปลผล การบาดเจ็บที่ศีรษะ กระโหลก และสมองไม่ได้เกิดจากการถูกตี แต่เกิดจากการที่ศีรษะตกลงมากระทบกับวัตถุแข็งหน้ากว้าง เช่นถนน ส่วนน้องหญิงจะตกลงมาได้ยังไง? กระโดดลงมาเอง หรือพลัดตก ทุกคนไม่ว่าจะโจทก์หรือทนายจำเลย พยายามกระจายข้อเท็จจริงให้ศาลพิจารณา โดยตำรวจที่ตรวจรถก็ได้เบิกความว่า ประตูรถเสียเมื่อปิดไปแล้วมันไม่ล็อก สามารถเด้งออกมาได้ ทุกคนรู้แค่นี้ไม่ว่าจะเป็นผม อัยการ ตำรวจ หรือผู้พิพากษา
ส่วนเรื่องคลิปเสียง ผมฟังยังรู้สึกสะเทือนใจ มีคลิปนึงที่น้องหญิง โทรคุยกับเพื่อน ตำรวจปอท. ตำรวจอยุธยา หลายคนฟังแล้วได้ยินต่างกัน เพราะน้องหญิงเสียงสั่น และเหมือนเจ็บปวดจึงพูดไม่ชัด บางคนก็ฟังว่า “หนูโดนตบ” บางคนก็ฟังว่า “หนูตกรถ หนูปวด” ผมอยากจะให้ทุกคนย้อนกลับไปฟังกันอีกรอบ ถ้าคลิปสนทนานี้เกิดหลังจากที่น้องหญิงได้รับบาดเจ็บแล้ว ประโยคที่คุยกับเพื่อนคือหนูโดนตบ หรือหนูตกรถ ในชั้นพิจารณาอัยการโจทก์ก็พยายามสืบถึงประเด็นนี้ เพื่อให้เห็นว่าเป็นการโดนทำร้ายแล้วน้องหญิงพยายามโทรศัพท์ไปหาเพื่อน โดยอ๊อฟ ก็ปล่อยให้โทร
หลังเกิดเหตุ gps ที่ติดอยู่กับรถบอกว่ารถคันนี้ขับเร็วกว่าที่ระบบกำหนด มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล พยาบาล และเจ้าหน้าที่เบิกความตรงกันทุกปากว่าอ๊อฟ อยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งมีการย้ายไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง
นอกจากเรื่องฆาตกรรมที่ไม่มีประจักษ์พยาน ซึ่งศาลจำเป็นต้องพิจารณาแค่บาดแผลว่าเกิดจากการโดนทำร้าย หรืออุบัติเหตุแล้วยังมีข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข้อหานี้ไม่ได้ยกฟ้องเพราะเหตุสงสัยเหมือนดังเช่นข้อหาเจตนาฆ่า แต่ยกฟ้องเลยว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด เหตุเพราะการจะดำเนินคดีจำเลยให้ได้รับโทษ จะต้องมีหลักฐานว่าจำเลยได้กักขัง หรือหน่วงเหนี่ยวใครให้ปราศจากเสรีภาพ แต่คดีนี้มีพยานซึ่งเป็นเด็กปั้ม ซึ่งสืบพยานกันก่อนผมจะเข้ามาเป็นทนายด้วยซ้ำ ให้การว่าเห็นน้องหญิงอยู่ในรถสภาพปกติ ไม่ได้มีอาการหวาดกลัว นายอ๊อฟลงไปจากรถ น้องหญิงอยู่คนเดียว หากจะหลบหนี ก็สามารถทำได้เพราะไม่ได้มีใครควบคุม
ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ศาลจึงได้พิพากษา แม้ผมจะเป็นทนายในคดี ต่อให้เก่งยังไง ก็ไม่สามารถสร้างพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้วได้ ทนายความมีหน้าที่แค่กระจายข้อเท็จจริงให้ศาลวินิจฉัยเท่านั้น ส่วนคนที่ติดตามข่าวนี้จะเชื่อสิ่งที่ตัวเองปักใจ หรือจะลองฟังเหตุผลที่เป็นเนื้อสำนวนจริงๆ ในโซเชียลกับเรื่องจริง บางครั้งก็ตรงกันข้ามกันเลยนะครับ
หลายคนผิดหวังที่ผมทำคดีนี้ ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้ทำคดีเพื่อให้ถูกใจคนหมู่มาก หรือต้องทำคดีที่ให้มีเอฟซีเยอะๆ ผมทำคดีตามข้อเท็จจริง ตามพยานหลักฐาน แม้จะทำแล้วโดนด่าเพราะสวนกระแสสังคมก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี