บุกเช็คบิล‘เหมืองแร่แบไรต์’แพร่ ฟัน7ข้อหาผิดเงื่อนไขอนุญาต แฉปิดกั้น-ปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ พร้อมด้วยพันเอกพงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4 กอ.รมน.) นายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (สาขาแพร่) นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ)เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สนธิกำลังร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทหาร ม.พัน 12 พล.ม.1 ตำรวจหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปทส. ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเวียงต้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่พลเมืองดี ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ของเอกชนบริเวณตำบลต้าผามอก อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย ประกอบกับได้รับการประสานจากศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 1 กรมสอบสวนสวนคดีพิเศษ ว่ามีการร้องเรียนเกี่ยวกับการลักลอบทำเหมืองแร่แบไรต์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ 2 จุดเป้าหมาย ภายในเหมืองแร่ดังกล่าว ซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย พบทั้งสิ่งปลูกสร้าง อาคารบ้านพัก และเครื่องจักรกลจอดกระจายตามจุดต่างๆในพื้นที่ ขณะเดียวกันพบร่องรอยการทำเหมืองแร่ ชนิดแร่แบไรต์ มีการเปิดหน้าดินโดยใช้เครื่องจักรหนัก การระเบิดย่อยหิน เป็นหลุมลึก และยังพบเศษแร่ซึ่งนำไปทิ้งกองไว้ในบริเวณพื้นที่ใช้ประโยชน์ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานข้อมูลผู้ดูแลเหมือง เพื่อตรวจสอบเอกสารทั้งหมด
จากการตรวจสอบ พบว่า เมื่อเดือนกันยายน 2553 เจ้าของเดิมได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต้าฝั่งซ้ายจำนวน 2 แปลง โดยแปลงแรกได้รับอนุญาตจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2563 จำนวน 254 ไร่เศษ เพื่อทำเหมืองแร่แบไรต์ ต่อมาเดือนธันวาคม 2554 บริษัทได้เข้ามาเช่าช่วงต่อจากเจ้าของเดิม
ขณะที่แปลงที่ 2 เจ้าของเดิมได้รับอนุญาตเมื่อสิงหาคม 2560 จนถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2570 เพื่อจัดตั้งสถานที่เก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ เนื้อที่ 134 ไร่เศษ แต่เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องว่าเจ้าของเดิม ได้ยินยอมให้บริษัทรับช่วงการทำเหมือง
กระทั่งล่าสุด 9 พฤษภาคม 2562 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ได้แจ้งให้หยุดดำเนินกิจการเหมืองแร่ทั้ง 2 จุด เนื่องจากพบการกระทำผิดเงื่อนไขการอนุญาต แต่จากการตรวจสอบของหน่วย EOD ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบรายงานว่า มีการเบิกวัตถุระเบิด จำนวน 12 ลูก หลังจากมีคำสั่งให้บริษัทหยุดดำเนินกิจการ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบการปิดกั้นลำน้ำสาธารณะ และปล่อยปะละเลยให้น้ำเสียจากการทำเหมือง ลงลำน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ชาวบ้านใช้อุปโภค และทำการเกษตร จนทำให้ไม่สามารถใช้ได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 7 ข้อกล่าวหากับบริษัทแห่งนี้ พร้อมตรวจยึดเครื่องจักร อาคารสิ่งปลูกสร้าง และของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเวียงต้า ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี