ศาลฎีกา สรุปชัด สาวแพรวา ผิดเต็มๆ ซิ่งซีวิคชนท้ายรถตู้ร่วงทางด่วน พ่อ แม่ เจ้าของรถร่วมจ่ายค่าสินไหม แก่คนตาย ญาติ กว่า24 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจ หมายเลขดำ 2266-2278/2559 ที่กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุ รถยนต์ตู้โดยสาร ถูกน.ส.แพรวา หรือ อรชร (นามสมมุติ) ขับรถยนต์ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 เป็นโจทก์ทั้ง28 ราย ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา (นามสมมุติ) เยาวชนหญิง ขณะนั้นที่ขับรถยนต์ซีวิค รวมทั้ง พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา นางนิลุบล อรุณวงศ์ บิดามารดา ของน.สแพรวนท, นายสุพิรัฐ จ้าววัฒนา ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ซีวิค ,นายสันฐิติ วรพันธ์, น.ส.วิชชุตา วรขจิต และบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย 1-7 เรื่องละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 113,077,510.22 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
ต่อมาโจทก์ยื่นได้ถอนฟ้องจำเลยที่5 - 7 ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้น ได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 พ.ย.58 เห็นว่า น.ส.แพรวา จำเลยกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมถึงทรัพย์สินเสียหาย เป็นการละเมิด จึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่ง บิดาและมารดา จำเลยที่ 2 -3 ก็ไม่ได้นำสืบถึงความระมัดระวังในการดูแลจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย
พิพากษา ให้ น.ส.แพรวา บิดา และมารดาของน.ส.แพรวา ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ประกอบด้วย ค่าไร้อุปการะ และค่ารักษาพยาบาลรวมถึงค่าอื่นๆให้กับโจทก์ร่วม รวม 28 คน ซึ่งเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแต่ละคน รวม 24 ล้านบาทเศษ ต่อมาโจทก์ที่ 5 ,11 และ จำเลย 1-3 ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้พวกจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์ร่วมจำนวนเงิน ใกล้เคียงกับศาลชั้นต้น
ต่อมาโจทก์ร่วมบางส่วน และจำเลยร่วมบางส่วนยื่นฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงคู่ความไม่ได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่าขณะเกิดเหตุละเมิดจำเลยที่1 เป็นผู้เยาว์จำเลยที่2-3เป็นบิดามารดา จำเลยที่4 เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวจำเลยที่1 ได้ขับรถไปตามทางยกระดับอุตราภิมุข ขาเข้าจากดอนเมืองมุ่งหน้าไปดินแดงด้วยความเร็วสูง
และรถยนต์ตู้ พฤติการณ์แห่งคดี แสดงว่ารถทั้งสองคันแล่นด้วยความเร็วสูงมากการที่รถของจำเลยที่1ซึ่งแล่นตามหลังสามารถแล่นทันและเข้าเฉี่ยวชนกับรถตู้โดยสารแสดงว่ารถของจำเลยที่1แล่นด้วยความเร็วสูงกว่ารถตู้โดยสารจึงเป็นฝ่ายประมาท ดังนั้นจำเลยที่1ต้องผูกพันตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาซึ่งถึงที่สุดดังกล่าวส่วนเรื่องการมีส่วนประมาทของ นางนฤมล ศาลในคดีส่วนอาญามิได้วินิจฉัยไว้และปัญหาดังกล่าวใช่ประเด็นโดยตรงในคดีส่วนอาญาไม่
ที่ศาลในคดีส่วนอาญาให้เหตุผลประกอบคำวินิจฉัยว่านางนฤมลขับรถตู้โดยสารมาด้วยความเร็วสูงเป็นเพียงแสดงให้เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความเร็วที่ สูงมากจนแล่นทันรถตู้โดยสารแล้วรถของจำเลยที่1 เสียหลักเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงเช่นกันทำให้รถตู้โดยสารเสียหลักไปปะทะกับเสาริมทางจนเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงจึงเป็นการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่1โดยเฉพาะจำเลยที่1 จึงเป็นผู้กระทำความผิดในครั้งนี้คำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว
การที่จำเลยที่1-3 ฎีกาในทำนองว่าคำฟ้องในคดีอาญาไม่ได้กล่าวถึงพฤติการณ์การขับรถที่ไม่เป็นปกติของนางนฤมล ซึ่งหากมีข้อเท็จจริงดังกล่าวเพราะจะเป็นคุณแก่จำเลยที่1 หาได้เป็นสาระแก่คดีไม่ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่านางนฤมลมีส่วนประมาทในอุบัติเหตุครั้งนี้การที่ศาลอุทธรณ์นำพฤติการณ์การขับรถตู้โดยสารของนางนฤมลที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญามารับฟังว่านางนฤมลมีส่วนประมาทแล้วรถจำนวนค่าเสียหายในส่วนค่าขาดไร้อุปการะละให้จำเลยที่1-3 ต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์แต่ละราย4ใน5ส่วนนั้นจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
เมื่อพิจารณาว่าอุบัติเหตุรุนแรงทั้งนี้เกิดจากการขับรถประมาทของจำเลยที่1ผู้โดยสารที่นั่งในรถตู้หาได้มีส่วนทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใดไม่ หากเเต่เป็นผู้ได้รับเคราะห์ภัยจากอุบัติเหตุจนต้องเสียชีวิต สำหรับนางนฤมลคนขับรถตู้ที่ถึงแก่ความตายข้อเท็จจริงก็ยังรับฟังไม่ได้ว่านางนฤมลมีส่วนประมาทด้วยจึงไม่มีเหตุที่จะลดจำนวนค่าเสียหายในส่วนค่าขาดไร้อุปการะ ส่วนจำเลยที่1-3ฎีกาว่าฝ่ายรถตู้โดยสารต้องรับผิดมากกว่าเพราะเป็นรถโดยสารสาธารณะและไม่มีเข็มขัดนิรภัยก็หาได้มีเหตุผลให้รับฟังไม่
จำเลยที่1-3จึงไม่มีข้ออ้างที่จะขอลดจำนวนค่าเสียหายลงอีกเมื่อเป็นดังที่วินิจฉัยข้างต้นการที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าขาดไร้อุปการะเต็มจำนวนแล้วลดหย่อนให้จำเลยที่1-3รับผิดชดใช้4ใน5ส่วนนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้อง
ศาลฎีกาฯ เห็นสมควรแก้ไขโดยให้จำเลยที่1-3รับผิดในค่าขาดไร้อุปการะเต็มจำนวน
ศาลฎีกาฯ จึงพิพากษาแก้ให้พวกจำเลยร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ และโจทก์ร่วมรวมกว่า 24,796,925 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : แม่เหยื่อ'แพรวา9ศพ'เดินหน้าทวงความยุติธรรม ลั่นอยากให้คนผิดสำนึก
อัพเดท! ‘แพรวา9ศพ’ เปลี่ยนชื่อใหม่-แต่งงานแฟนหนุ่มชีวิตดี๊ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี