สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)เปิดเวทีระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม มุ่งเน้นวางแผนการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส สอดคล้องตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เตรียมสร้างมาตรฐาน5 อาชีพใหม่ ในปี 2563 เพื่อรองรับการทำงานในต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
นายพิสิฐ รังสฤษฎ์วุฒิกุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เปิดเผยว่า สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ยังคงมุ่งเน้นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนของประเทศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคนให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดงาน EEC หรือรองรับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เป็นฟันเฟืองในการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบาย Thailand 4.0 สคช.เน้นการพัฒนาสมรรถนะของกำลังคนและมีเป้าหมายชัดเจน โดยในปี 2564 จะมุ่งสู่การพัฒนาคนใน 500 อาชีพ ให้มีสมรรถนะเทียบเคียงต่างประเทศ ซึ่งการขับเคลื่อนการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพนั้น ทางสถาบันจําเป็นต้องมีการทบทวนและจัดลําดับความสําคัญในการจัดทํามาตรฐานอาชีพว่ากลุ่มสาขาอาชีพใดที่มีความจําเป็นเร่งด่วนที่จะต้องจัดทํา รวมถึงสาขาอาชีพเดิมที่จะได้มีการทบทวนและต่อยอด เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
สคช.จึงได้เปิดเวทีสัมมนา ภายใต้หัวข้อ “Stakeholder Engagement กับการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ”เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการจัดทำมาตรฐานอาชีพ และเพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดทำมาตรฐานอาชีพ (Stakeholder Engagement) อาทิ ผู้ประกอบอาชีพโดยตรง
ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องในสาขาอาชีพและหน่วยงานภาครัฐที่กําลังดูแล กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และองค์กรรับรองในสาขาวิชาชีพต่างๆ ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ สคช.เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทำมาตรฐานอาชีพในปี 2563 ว่าให้การสนับสนุน หรือควรมีการนำเสนอสาขาวิชาชีพ/อาชีพใหม่ และมาตรฐานอาชีพที่จะจัดทำขึ้นในปี 2563 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความเห็นว่าควรชะลอหรือดำเนินต่อไป ซึ่ง สคช.จะนำเสียงสะท้อนที่หลากหลายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งถือเป็นข้อเสนอแนะที่สำคัญมาพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในการขับเคลื่อนแผนงานการจัดทํามาตรฐานอาชีพในสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มอาชีพและสร้างโอกาสให้กับกําลังคนในสาขาต่างๆ ต่อไป
สำหรับแผนการจัดทำมาตรฐานอาชีพใหม่ ในปีงบประมาณ 2563 มีการจัดทำมาตรฐาน 5 สาขาวิชาชีพ/อาชีพใหม่ ได้แก่ สาขาวิชาชีพธุรกิจเสริมสวย ระยะที่ 2 สาขาวิชาชีพบริการสุขภาพ อาชีพผู้ช่วยนักกายภาพบําบัด สาขาวิชาชีพบริการสุขภาพ อาชีพนักจิตวิทยา สาขาวิชาชีพก่อสร้าง ระยะที่ 2 สาขาวิชาชีพพลังงานและพลังงานทดแทน สาขางานระบบผลิตไฟฟ้า
และสาขาวิชาชีพ/อาชีพในแผนที่มาจากการเสนอเพิ่มเติม ที่เสนอเพิ่มเติม ได้แก่ 1.สาขาวิชาชีพบริการสุขภาพ อาชีพช่างวัดสายตาประกอบแว่น 2.สาขาวิชาชีพศิลปะการแสดงและการบันเทิง สาขาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระยะที่ 2 3.สาขาวิชาชีพการบิน อาชีพผู้ควบคุมอากาศยานไร้คนขับ 4.สาขาวิชาชีพธุรกิจการจัดประชุมและนิทรรศการ 5.สาขาวิชาชีพบริหารงานบุคคล อาชีพเลขานุการ 6.อาชีพนักนิติวิทยาศาสตร์ 7.อาชีพช่างซ่อมเรือยอชท์ 8.อาชีพนักจัดการห้องปราศจากเชื้อ 9.อาชีพบุคลากรในเรือสําราญ 10.อาชีพผู้ปฏิบัติหน้าที่กํากับดูแลการปฏิบัติงาน
11.อาชีพช่างทําความสะอาดกระจกอาคารสูง12.อาชีพนักประเมินมูลค่าทรัพย์สิน 13.อาชีพนักจัดการนวัตกรรม นอกจากนี้ยังมีการทบทวนมาตรฐานอาชีพและปรับระดับคุณวุฒิให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ ในมาตรฐานที่ได้จัดทำแล้วเสร็จจำนวน 200 อาชีพ เพื่อให้กำลังคนมีคุณสมบัติเหมาะสมและตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมที่กำหนดไว้รวมถึงสามารถพัฒนาศักยภาพเพื่อไปทำงานในตลาดต่างประเทศได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สคช.ได้จัดทำคุณวุฒิวิชาชีพและมาตรฐานอาชีพ รวมถึงเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะที่จัดทำแล้วเสร็จ 52 สาขาวิชาชีพ มีองค์กรรับสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพแล้วกว่า 230 องค์กร และมีผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพแล้วกว่า 50,000 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี