“เสี่ยตั้ม ขยันโอน”โดนมิจฉาชีพหลอกอ้างเป็น“ขิม”นางแบบ-นางเอกเอ็มวี ขอเงินช่วยเหลือนานกว่า 4 ปี โอนไป 261 ครั้ง รวมกว่า 7 ล้านบาท เข้าร้อง ปอท.ช่วย
26 กรกฎาคม 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) นายตั้ม (นามสมมุติ) เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และออกแบบจัดสวน พร้อม ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผบก.ปอท.และ ร.ต.อ.ภิภพ กลมกลึง รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. หลังถูกมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กเป็น “น้องขิม” นางเอกมิวสิควีดีโอค่ายเพลงดัง หลอกลวงให้โอนเงินมาเป็นเวลา 4 ปี จนปัจจุบันสูญเงินเป็นมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ทั้งยังเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายลงมือเป็นขบวนการ
นายตั้ม เปิดเผยว่า เมื่อปี 2558 ตนผิดหวังกับความรักและเครียดกับธุรกิจที่ล่ม อยู่ในช่วงอ่อนแอของชีวิต จึงเล่นเฟซบุ๊กจนได้เจอ “ขิม” มิจฉาชีพรายนี้ และได้พูดคุยกันแบบหนุ่มจีบสาว โดยคนร้ายอ้างตัวว่าเป็นนางแบบเอ็มวี พร้อมทั้งส่งรูปภาพมาให้ดู และติดต่อเรื่อยมาเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี ทั้งทางเฟซบุ๊ก ไลน์และโทรศัพท์ โดยโอนไปมากกว่า 262 ครั้ง รวมมูลค่ามากกว่า 7 ล้านบาท
“ระหว่างนั้นคนร้ายอ้างว่า ต้องใช้เงินใช้จ่ายหลายอย่าง เนื่องจากไม่ได้ทำงาน เพราะป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องเข้ารับการรักษา พร้อมส่งรูปไอเป็นเลือด ผมเกิดความสงสารโอนเงินให้ 3 หมื่นบาท เพราะขนาดหมาแมวก็ยังเก็บมาเลี้ยงตั้งหลายตัว และนี่เป็นคน ผมจึงช่วยเหลือ กระทั่งต่อมาได้คุยกันถึงขั้นจะสร้างเรือนหอดาวน์บ้าน ในส่วนนี้ผมได้โอนเงินไปหลายล้านบาท หลังจากนั้นจึงได้โอนเงินให้เรื่อยมา” นายตั้ม กล่าว
นายตั้ม กล่าวอีกว่า จากนั้นเมื่อปลายปี 2561 ตนได้ทะเลาะกับขิม และเลิกติดต่อกันไปสักพักหนึ่ง แล้วตนได้พูดคุยกับ “เมย์” หญิงสาวอีกรายทางเฟซบุ๊ก แต่คนนี้ได้เจอตัวกันจริงๆ จน “ขิม” ติดต่อกลับมา และบอกตนว่า “เมย์” มีส่วนพัวพันกับเรื่องยาเสพติด “ขิม” รู้จักกับผู้ใหญ่จะช่วยเคลียร์เรื่องทางคดีให้ โดยต้องจ่ายเงิน 9 แสนบาท ตนจึงโอนให้ แต่เรื่องยังไม่จบและ “ขิม” บอกว่าเงินยังไม่พอ ให้โอนไปอีก 2 ล้านบาท เพื่อหักลบหนี้ที่เคยโอนไปให้ทั้งหมด รวมเงินที่โอนเบ็ดเสร็จ 7 ล้านบาท
นอกจากนี้ระหว่างนั้น “ขิม” ยังโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่ตนและแม่เป็นระยะๆ กดดันให้โอนเงินอีกจนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตนนำเลขบัญชี 3 ชื่อ 2 บัญชี ไปตรวจสอบ จึงทราบชื่อและใบหน้าเจ้าของบัญชีที่แท้จริงว่าไม่ตรงปกกับภาพในเฟซบุ๊ก จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และได้รวบรวมหลักฐานการแชทพูดคุย รวมถึงสลิปโอนเงินและคลิปเสียงมาประกอบการแจ้งความในวันนี้ ตนยอมรับว่าที่โอนเงินไปให้เพราะความสงสาร และความรักแม้จะไม่เคยเห็นตัวจริงก็ตาม
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะรับเรื่องไว้ลงในบันทึกประจำวัน ก่อนสอบปากคำผู้ร้องทุกข์อย่างละเอียด พร้อมประสานการทำงานกับกองปราบปราม เนื่องจากลักษณะการกระทำเข้าข่ายโรแมนสแกม หรือหลอกรักออนไลน์ ซึ่งมิจฉาชีพมีวิธีหลอกลวงเหยื่อโดยใบหน้าผู้อื่นมาสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอม มาพูดคุยให้เกิดความรัก โดยจะสร้างเรื่องราวต่างๆ ทั้งหลอกลงทุน รับมรดก หรืออ้างความเจ็บป่วย ให้เกิดความสงสารเห็นใจ ปกติแล้ว คนร้ายที่ก่อเหตุมักจะเป็นชาวต่างชาติผิวสี แต่ระยะหลังเริ่มมีคนไทยก่อเหตุมากขึ้น จึงขอฝากเตือนประชาชนว่า หากติดต่อกับผู้ใดและจำเป็นต้องโอนเงิน ควรนัดเจอเพื่อพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ เพราะคนร้ายจะปฏิเสธการพบเจอหรือแม้แต่วีดิโอคอล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี