เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2562 จากกรณีที่ตำรวจกองกำกับการ 3 กองปราบปราม ร่วมกับกองกำกับการสืบสวนภูธร จ.อุทัยธานี และตำรวจชุดสืบ สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ นำหมายศาล ไปติดตามจับกุมตัว น.ส.ธวัลกร แคฝอย อายุ 43 ปี ได้ที่บ้านพักใน ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี หลังก่อเหตุหลอกตีสนิทนางนวลศรี สิงห์ไธสง อายุ 80 ปี ในหมู่บ้านหนองหญ้ารังกา ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ก่อนฉวยโอกาสเข้าไปขโมยเงินสด 10,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท รวมเป็นเงินกว่า30,000บาท ที่ยายเก็บเอาไว้ในบ้านแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา แล้วนำตัวมาส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาโพธิ์ เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่ขณะที่ถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขังบน สภ.นาโพธิ์ เพื่อเตรียมนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงสายของวันนี้ (28 ก.ค.) ผู้ต้องหาได้พยายามใช้เสื้อชั้นในผูกคอตัวเองกับลูกกรงห้องขัง เพื่อหวังจะฆ่าตัวหวังหนีความผิด แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเข้าเวรอยู่มองเห็น จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลนาโพธิ์ แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลบุรีรัมย์
ล่าสุด อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรม โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้คิดสั้นหรือหลบหนี ซึ่งคาดว่าผู้ต้องหาอาจจะเกิดความเครียด เพราะนอกจากจะก่อเหตุขโมยเงินและสร้อยทองแม่ยายวัย 80 ปีที่ อ.นาโพธิ์ แล้ว ยังมีผู้เสียหายที่ถูกก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ทยอยเดินทางมาชี้ตัวอย่างต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียหายถูกหลอกและขโมยเอาเงินไปในลักษณะคล้ายกัน3 จังหวัด คือ จ.บุรีรัมย์, ร้อยเอ็ด และ จ.ขอนแก่น
นายพรมมา กันสา อายุ 80 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่เดินทางมาจาก จ.ร้อยเอ็ด เพื่อชี้ตัวผู้ต้องหา บอกว่า เมื่อปี 2559 ได้มีหญิงสาวหน้าตาคล้ายกับผู้ต้องหา มาหลอกว่ารู้จักกับลูกสาวที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ โดยอ้างว่า ลูกสาวให้มาเอาเงินจากตาเพื่อไปซื้อน้ำผึ้งที่สั่งไว้ จำนวน 70 ขวด เป็นเงิน 17,500 บาท และขอค่ารถอีก 500 บาท รวมเป็น 18,000 บาท ตาหลงเชื่อจึงให้เงินไป 18,000 บาท กระทั่งมาทราบภายหลังว่าถูกหญิงคนดังกล่าวหลอก จึงได้เข้าแจ้งความไว้ และพอทราบว่ามีการก่อเหตุในลักษณะคล้ายกันที่ จ.บุรีรัมย์
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว จึงได้เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา แต่ยังไม่ทันได้ชี้ตัวก็ได้ยินข่าวว่าผู้ต้องหาถูกนำตัวส่ง รพ. เพราะพยามยามจะผูกคอตายเพื่อหนีความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ดูจากรูป ก็บอกว่าหน้าตาคล้ายกันกับหญิงที่ไปหลอก แต่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ เพราะเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2559 จนถึงขณะนี้ก็เกือบ 4 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากผู้ต้องหาอาการดีขึ้น เจ้าหน้าที่ก็จะขออายัดตัวเพื่อไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นก็ได้แจ้งหาข้อ “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม”
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ใจดำเกินคน! สาวแสบหลอกยายทำกับข้าวให้กิน ก่อนฉก‘เงิน-สร้อยทอง’ หายวับ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : รวบแล้ว! สาวแสบหลอกแม่เฒ่าทำกับข้าวให้กินก่อนฉก ‘เงิน-สร้อยทอง’
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : คืนเงินแม่เฒ่า4หมื่น! สาวแสบสารภาพอ้างทำครั้งแรก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี