เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2562 ความคืบหน้ากรณีที่มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 40-45 ปี ขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน  เข้าไปหลอกตีสนิทนางนวลศรี สิงห์ไธสง อายุ 80 ปี ในหมู่บ้านหนองหญ้ารังกา  ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์  จ.บุรีรัมย์ โดยอ้างว่า รู้จักกับลูกสาวของยายที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ  จะมาขอเก็บเงินค่าน้ำผึ้งที่ลูกสาวสั่งเอาไว้  จนเหยื่อหลงเชื่อเดินไปหยิบเงินที่เก็บไว้ในกระเป้าเสื้อชั้นใน และหญิงคนดังกล่าวยังได้ออกอุบายว่าหิวข้าว ยายจึงตำส้มตำให้กิน พอยายง่วนอยู่กับการตำส้มตำ หญิงมิจฉาชีพก็ทำทีขอเข้าห้องน้ำ แล้วฉวยโอกาสเข้าไปขโมยเงินสด 10,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท รวมเป็นเงินกว่า 30,000บาท  ที่ยายเก็บเอาไว้ในบ้าน ก่อนจะขับรถหลบหนีไป  โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ล่าสุดตำรวจกองกำกับการ 3 กองปราบปราม ได้ร่วมกับกองกำกับการสืบสวนภูธร จ.อุทัยธานี และตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ได้นำหมายจับของศาล จ.บุรีรัมย์ ไปติดตามจับกุมตัว น.ส.ธวัลกร  แคฝอย อายุ 43 ปี ได้ที่บ้านพักใน ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.นาโพธิ์ ท้องที่เกิดเหตุ 

จากการสอบสวน น.ส.ธวัลกร ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนขโมยเงินสดและสร้อยทองของ ยายนวลศรี ที่ อ.นาโพธิ์ จริง ทั้งอ้างว่าพึ่งทำเป็นครั้งแรก แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคาดว่าน่าจะก่อเหตุมาแล้วหลายท้องที่  จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่เคยโดนหลอกในลักษณะนี้ สามารถมาชี้ตัวผู้ก่อเหตุได้ที่ สภ.นาโพธิ์ เพื่อจะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมก็ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด” 

ขณะที่นางนวลศรี ยายวัย 80 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า รู้สึกดีใจมากและขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ขโมยเงินยายได้อย่างรวดเร็ว และดีใจที่ได้เงินคืน จำนวน 40,000 บาท เพราะเป็นเงินที่ลูกสาวส่งมาให้และเงินเบี้ยยังชีพคนชราที่เก็บสะสมไว้ใช้ยามจำเป็น พร้อมทั้งฝากถึงผู้ต้องหาด้วยว่าขอให้เลิกทำพฤติกรรมแบบนี้ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนดื่นโดยเฉพาะคนแก่คนเฒ่า ขอให้ไปทำงานที่สุจริตอย่าไปลักขโมยคนอื่นอีกเลย