ตามที่มีการเสนอข่าวว่า เครือข่ายองค์กรประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า เรียกร้องให้รัฐบาลยุตินโยบายทวงคืนผืนป่า เกิดข้อพิพาทของรัฐในหลายกรณี โดยเฉพาะกรณีล่าสุดคือชุมชนบ้านบ่อแก้ว อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ที่ถูกปิดหมายบังคับคดีและมีกำหนดรื้อถอนวันที่ 27 สิงหาคม แม้จะมีข้อยุติในกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่า สวนป่าคอนสารทับที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของราษฎร และจัดสรรที่ดินทำกินให้ผู้เดือดร้อนทั้ง 277 ราย ตั้งแต่ปี 2548 เครือข่ายองค์กรประชาชน จึงขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยทบทวนมติคณะรัฐมนตรี 26 พฤศจิกายน 2562 และแก้พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562, พ.ร.บ. ป่าชุมชน พ.ศ. 2562, พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 รวมถึงคู่มือปฏิบัติการแนวทางแก้ปัญหาที่ดินของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ โดยเปิดให้รับฟังความเห็นของประชาชน พร้อมให้รัฐบาลหามาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิ์ในที่ดินทำกินนั้น
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ชี้แจงว่า การแก้ปัญหาที่ดินทำกินของราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ดำเนินการตามนโยบายแนวทางมติคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเห็นชอบในหลักการตามมติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ในพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) โดยราษฎรผู้อยู่อาศัยในเขตป่าอนุรักษ์ ก่อนและหลังมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ให้สำรวจเตรียมความพร้อมของชุมชน ก่อนอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมาย หลังพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ เพื่ออนุญาตให้ราษฎรอยู่อาศัย และใช้ประโยชน์อย่างเกื้อกูลธรรมชาติภายในเขตป่าอนุรักษ์ได้สมบูรณ์ยั่งยืน ยึดหลักการ ดังนี้
1.หลักจัดการพื้นที่ ให้คงเจตนารมณ์การกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ 2. แนวทางดำเนินการจัดการพื้นที่ ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนหลักคือ สำรวจการครอบครองที่ดิน และบริหารจัดการพื้นที่ (Zoning) เพื่อให้ได้ข้อตกลง “แนวเขตบริหารเพื่อการอนุรักษ์” เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย 3. เมื่อพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้แล้ว กรมอุทยานฯจะนำ “เขตบริหารเพื่อการอนุรักษ์” ที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันแล้ว พร้อมแผนผังแปลงที่ดินและบัญชีรายชื่อราษฎรมาทำเป็นโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เสนอให้คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติหรือคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแล้ว แต่กรณีให้ความเห็นชอบ และเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ก่อนที่จะตราเป็น “พระราชกฤษฎีกา” มีระยะเวลาโครงการฯ ตามพระราชกฤษฎีกาคราวละไม่เกิน 20 ปี เพื่อให้ราษฎรสามารถอยู่อาศัยและทำกินภายในเขตป่าอนุรักษ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ผลการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 จากพื้นที่เป้าหมายพื้นที่ครอบครองของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ทั้งประเทศ 215 ป่า 3,973 หมู่บ้าน เนื้อที่ประมาณ 4.7 ล้านไร่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จะได้เร่งรัดสำรวจและบริหารพื้นที่ ตามแนวทางแก้ปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ให้แล้วเสร็จ เพื่อนำผลดำเนินการมาเสนออนุญาตตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี