18 สิงหาคม 2562 ที่ทำการศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนอ้อมค่ายวชิราวุธ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายคล่อง คาญสุวรรณ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 5 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าพบ รศ.รงค์ บุญสวนขวัญ ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ จ.นครศรีธรรมราช และนายปรีชา แก้วกระจ่าง ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ เพื่อร้องเรีนขอความช่วยเหลือในกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ประมงจับกุมและยึดตาข่ายโพงพางดักกุ้งเคย โดยอ้างว่าเครื่องมือทำประมงผิดกฎหมาย และทำสิ่งกีดขวางปิดกั้นทางเดินของสัตว์น้ำ ทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 60,000 บาท ส่งผลให้ครอบครัวไม่สามารถประกอบอาชีพทำประมงจับกุ้งเคยได้ตามปกติ ได้รับความเดือนร้องเป็นอย่างมาก
นายคล่อง คาญสุวรรณ กล่าวว่า ครอบครัวของตนประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านโดนการวางอวนหรือตาข่ายดักจับกุ้งเคย มาเป็นเป็นเคยกุ้ง หรือกะปิจำหน่าย ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษหลายชั่วอายุคน และเป็นอาชีพที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนส่งเสริมและเป็นสินค้าโอท็อป สร้างงานอาชีพและรายได้ให้กับคนในแต่ละท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเป็นอาชีพที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ตลอดแนวชายฝั่งใน 22 จังหวัดทั่วประเทศทำกันอย่างกว้างขวาง การที่เจ้าหน้าที่ประมงจับกุมตนและผู้ประกอบอาชีพทำกุ้งเคยในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเท่าที่ทราบนอกจากตนแล้วประชาชนที่ประกอบอาชีพนี้ถูกจับกุมมากถึง 45 ราย สร้างความเดือดร้อนให้กับตนและผู้ประกอบอาชีพนี้เป็นอย่างมาก
“หากเอากฎหมายประมงที่ระบุขนาดของตาข่ายหรืออวนในการดักจับสัตว์น้ำมาใช้บังคับอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ส่งผลกระทบกับชาวบ้านที่ประกอบอาชีพจับกุ้งเคยเพื่อมาแปรรูผลิตเป็นกุ้งเคยหรือกะปิเป็นอย่างมาก เพราะอวนหรือตาขายที่นำมาใช้จับกุ้งเคยจำเป็นต้องใช้ตาข่ายหรืออวนตาถี่แบบอวนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพียงวิธีการเดียวเท่านั้น ไม่มีวีการอื่น ๆ ที่จะจับกุ้งเคยได้ เพราะกุ้งเคยเป็นกุ้งฝอยขนาดเล็กมากๆ และจะมีอายุสั้นเพียง 3 เดือนแล้วนั้น โดยการจับชาวประมงจะทำเป็นโพงพางขนาดเล็กโดยใช้ตาข่ายและอวนขนาดเล็กที่ชาวบ้านเรียกว่า “อวนเขียว”มาทำเป็นถุงขึงดักกุ้งเคย ซึ่งจะมีเฉพาะกุ้งเคยเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เข้าไปในถุงโพงพาง เพราะหากสัตว์น้ำชนิดอื่นๆเกิดว่ายหลงเข้าไปในถุงโพงพางกุ้งเคยก็จะสามารถว่ายทวนกระแสน้ำสวนออกจากถุงตาข่ายได้ จึงไม่มีสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ เข้าไปในถุงโพงพางเลย หากตาความว่าตาข่ายหรืออวนตาถี่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คนที่ประกอบอาชีพจับกุ้งเคยจะเข้าข่ายผิดกฎหมายทันที เท่ากับว่าจะไม่มีใครประกอบอาชีพนี้ได้อีกเลย”
รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องกฎหมายประมงทางพรรคพลังประชารัฐได้รับการร้องเรียนจากชาวประมงชายฝั่งจำนวนมาก เนื่องจากการใช้ดุลยพินิจตีความกฎหมายของเจ้าหน้าที่ประมงมีปัญหา จนชาวประมงชายฝั่งหรือประมงพื้นบ้านไม่สามารถประกอบอาชีพได้ โดยเฉพาะอาชีพทำประมงจับกุ้งเคย ซึ่งในความเป็นจริงทุกจังหวัดทั้ง 22 จังหวัดมีการประกอบอาชีพนี้กันอย่างกว้างขวาง แต่กลับมีปัญหาถูกจับกุมเฉพาะชาวประมงในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น และมีพรรคการเมืองบางพรรคพยายามปล่อยข่าวว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจังหวัดนครศรีธรรมราช สนับสนุนให้ชาวประมงพื้นบ้านใช้เครื่องมือทำประมงผิดกฎหมาย โดยไม่สนใจเนื้อหาสาระที่แท้จริง
ขอเรียนว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้สนับสนุนให้ชาวประมงใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายในการจับสัตว์น้ำ แต่เรากำลังคิดว่าจะหาทางช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบอย่างไรได้บ้าง เช่น การให้ภาครัฐสนับสนุนเครื่องมือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายให้กับชาวประมง แต่ที่ผ่านมาก็มีปัญหาเพราะเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจขาดความขาดความโปร่งใส เป็นธรรม ในการช่วยเหลือชาวประมงอย่างเสมอภาค มีการจัดตั้งเครือข่าย กลุ่มประมงต่างๆขึ้นมาเพื่อรับงบประมาณจากภาครัฐ ในขณะที่ชาวประมงเดิมที่ได้รับความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบจริงๆ กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ แม้แต่เรื่องการช่วยเหลือพายุปาบึก ชาวประมงชายฝั่งหรือขาวประมงพื้นบ้านจำนวนมากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้ตนจะตรวจสอบความชัดเจน โปร่งใสในกระบวนการพิจารณาช่วยเหลือต่อไป
“ที่สำคัญอาชีพจับกุ้งเคยจะทำอย่างไรกันต่อไป เจ้าหน้าที่ควรจะดูเรื่องเจตนาของชาวประมงด้วย อย่าใช้ดุลยพินิจทางกฎหมายเพื่อกลั่นแกล้งประชาชน ผู้ประกอบอาชีพจับกุ้งเคยต้องลงทุนในการซื้ออวนหรือตาข่ายเขียวตาถี่ชุดละ 60,000 บาท ถูกจับกุมไปถึง 45 รายคิดเป็นมูลค่าเท่าไหร่ และจะให้เขาการประกอบอาชีพนี้ไปเลยหรืออย่างไร ในเบื้องต้นตนแนะนำให้นายคล่อง และผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมดเข้าไปติดต่อขอตาข่ายหรืออวนเขียวจับกุ้งเคยที่ถูกเจ้าหน้าที่ประมงตรวจยึดไปกลับคืนมา หากเจ้าหน้าที่ให้คืนและกลับมาประกอบอาชีพเดิมได้ก็ถือว่าปัญหาหมดไป และต่อไปเจ้าหน้าที่ประมงจะต้องพิจารณาการจับกุมในกรณีนี้ด้วย แต่หากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้คืน หรือมุ่งจะดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ประกอบอาชีพขับกุ้งเคย ตนและจะเรื่องเข้าไปยื่นญัตติหารือช่วยเหลือประชาชนในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป” รศ.รงค์ กล่าว
ขณะที่นายปรีชา แก้วกระจ่าง กล่าวว่า ในปัจจุบันการกวดขันขับกุมชาวประมงพื้นบ้านที่อ้างว่า ใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมายตนรับไม่ได้ วันนี้ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงใน ต.ปากนคร ท่าไร่ บางจาก ท่าซัก เดือดร้อนมาก จนหมู่บ้านแทบจะกลายเป็นหมู่บ้านร้าง เพราะเจ้าหน้าที่กวดขันจับกุมจนไม่สามารถออกประกอบอาชีพได้ เขาพร้อมที่จะเปลี่ยนไปทำประมงถูกกฎหมายและขอรับการช่วยเหลืองบประมาณในการเปลี่ยนเครื่องมือประมง แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการ ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเอาเงินงบประมาณไปแจกชาวประมงที่ไหน แม้แต่เงินชวยเหลือเยียวยาชาวประมงกรณีประสบภัยพายุปาบึกก็ไม่รู้เขาใช้บรรทัดฐานอะไรในการพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือชาวประมงจริงๆ ไม่มีคุณสมบัติ ไม่เข้าหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ กว่า 5-6 เดือนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ รายได้ไม่มีเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า หลายหมู่บ้านกำลังกลายเป็นหมู่บ้านร้าง จึงอยากให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งรัฐบาลยื่นมือเข้ามาแก้ปัญหาช่วยเหลือชาวประมงด้วย ก่อนที่ชาประมงจะหมดความอดทนรวมตัวกันประท้วงส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ เขาส่งสัญญามาถึงผมว่าพร้อมรวมพลกว่า 2,000 คน ประท้วงเรื่องนี้แต่ผมขอร้องว่าอย่าทำอะไรที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบ้านเมือง และขอให้รอการช่วยเหลือจากรัฐบาลอีกสักระยะหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี