“ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกับทหาร ตำรวจ ปูพรมจัดการขบวนการลักลอบตัดไม้ ในเขตพื้นที่ป่าจังหวัดแพร่ ยึดไม้มีค่า ทั้งประดู่ สัก มะค่าโมง พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 4 คน”

12 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม้มีค่าจำพวกไม้ประดู่ ไม่สัก ไม้มะค่าโมง ยังคงมีความต้องการจากกลุ่มนายทุน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ นำโดยนายศักรินทร์ ปัญญาใจ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ปูพรมเข้าตรวจสอบเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่อำเภอเด่นชัย และอำเภอลอง จังหวัดแพร่ หลังจากได้รับการรายงานจากสายข่าว ว่าพบเห็นกลุ่มบุกคนกำลังตัดไม้ในเขตป่า จึงได้กระจายนำกำลังเข้าดำเนินการ โดยจุดแรกบริเวณถนนหมายเลข 11 ท้องที่หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยไคร้ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่บุกจับรถยนต์บรรทุกเป้าหมาย พบไม้สักท่อน จำนวน 16 ท่อน ปริมาตร 0.72 ลูกบาศก์เมตร สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน  เจ้าหน้าที่ได้บันทึกเรื่องราวทั้งหมด พร้อมนำตัวผู้กระทำผิดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเด่นชัย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่จุดที่ 2 บริเวณสำนักสงฆ์ถ้ำจักพรรดิ หมู่ที่ 5 ตำบลต้าผามอก อำเภอลอง จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดไม้กระยาเลย 12 ท่อน ปริมาตร 1.25 ลูกบาศก์เมตร สามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมตรวจยึดเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง ยึดรถยนต์บรรทุก 4 ล้อ 1 คัน และอุปกรณ์การกระทำผิด 4 รายการ

จุดที่ 3 เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจยึดไม้มะค่าโมง 3 ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 2.83 ลูกบาศก์เมตร ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลต้าผามอก อำเภอลอง จังหวัดแพร่  และจุดสุดท้ายที่ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยเพื่อ หมู่ที่ 7 ตำบลต้าผามอก อำเภอลอง จังหวัด แพร่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดไม้ประดู่ ไม้สัก และไม้มะค่าโมงเพิ่มอีก 26 ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 1.78 ลูกบาศก์เมตร  เจ้าหน้าที่ได้บันทึกเรื่องราวทั้งหมด พร้อมนำตัวผู้กระทำผิด ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเวียงต้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ขยายผลเชื่อมโยงให้ถึงตัวการใหญ่ พร้อมจัดชุดปฏิบัติการข่าว แทรกซึมเข้าพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน