"อัจฉริยะ" เปลี่ยนใจนำแรงงาน ไทย-เมียนมากว่า 100 คนขอความเป็นธรรมจากศาลแรงงานภาค 7 หลังถูกสกัดกั้นเส้นทางเคลื่อนพลมุ่งสู่กระทรวงแรงงาน ยันเดินหน้าฟ้องศาล หวั่นบริษัทแปรรูปผักผลไม้ส่งออกรายใหญ่ กาญจนบุรี เบี้ยวจ่ายค่าแรงที่เหลือ
ความคืบหน้ากรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำแรงงานชาวไทยและเมียนมา กว่า 300 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเครือบริษัทดังกล่าวค้างจ่ายค่าจ้างลูกจ้างนาน 3 เดือน ซึ่งเป็นเงินค่าจ้างลูกจ้างประมาณ 20 ล้านบาท ในที่สุดทางบริษัทได้ทำหนังสือระบุว่าจะจ่ายค่าจ้างที่ยังค้างอยู่ให้กับคนงานโดยแบ่งออกเป็น 5 งวด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
แต่ล่าสุดเมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 16 กันยายนยน 2562 ปรากฏว่าแรงงานชาวเมียนมาและชาวไทยที่ได้รับเงินค่าแรงยังไม่ครบได้ทยอยเดินทางมาที่ศาลแรงงาน ภาค 7 ที่อยู่ริมถนนแม่น้ำแม่กลอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยแรงงานได้เดินทางด้วยการใช้รถจักรยานยนต์ รวมทั้งรถยนต์กระบะและไปรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณด้านหลังศาลแรงงาน ภาค 7 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเดินทางไปคอยอำนวยความสะดวกและร่วมสังเกตการณ์ พร้อมนับจำนวนของแรงงานที่มาในครั้งนี้ ได้ 156 คน เป็นแรงงานชาวไทย จำนวน 5 คน ชาวเมียนมา 151 คน
ต่อมาเวลาประมาณ 08.30 น.นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาถึงจากนั้นได้เข้าไปประสานขอความช่วยเหลือกับนิติกรศาลแรงงาน ภาค 7 ซึ่งก่อนหน้านี้นายอัจฉริยะ ได้ประกาศว่าจะพาแรงงานทั้งหมดนี้เดินทางไปยังกระทรวงแรงงาน ด้วยรถบัสจำนวน 10 คัน แต่รถที่ได้นำมายังไม่ถึงโรงงานแรงงานทั้งหมดจึงเปลี่ยนใจเดินทางมายังศาลแรงงานภาค 7 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมแทน
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าตำรวจได้ทำการสกัดทุกเส้นทางเพื่อไม่ให้แรงงานทั้งหมดเดินทางเข้าไปยังกระทรวงแรงงาน จึงเดินทางมาที่ศาลแรงงานภาค 7 แทน ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นเข้าข่ายแรงงานบังคับ ตามมาตรา 6/1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 4-6 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย ซึ่งวันนี้เราเตรียมไว้ 5 ปากที่จะให้เจ้าหน้าที่นิติกรศาลสอบปากคำ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเข้าข่ายกฎหมายลูกของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
การที่บริษัทฯ ออกมาระบุว่าจะแบ่งจ่ายค่าจ้างที่ค้างจ่ายแรงงานเป็น 5 งวดนั้น ตนไม่เชื่อว่าทางบริษัทฯ จะยอมจ่ายให้ตามนั้น เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหายืดเยื้อมานานมากแล้ว ที่ผ่านมาทางบริษัทฯก็มักจะรับปากเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมจ่ายอีก แม้จะมีการไปลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับบริษัทฯ ได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังดีใจอยู่ว่าการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ นายจ้างยอมที่จะจ่ายค่าแรงที่ค้างไว้ก่อน 2 งวดในช่วง 3-4 วันนี้ ซึ่งยังคงเหลือค้างจ่ายอีกจำนวน 4 งวด
ดังนั้น ก็ขอให้ทางบริษัทฯ จ่ายค่าจ้างที่เหลือทั้งหมด ก็จะได้จบปัญหา แต่หากบริษัทฯ ยังไม่ยอมจ่ายในส่วนที่เหลือ ตนก็จะออกมาเคลื่อนไหวบังคับใช้กฎหมายกับนายจ้างอีกจนกกว่าแรงงานจะได้รับความเป็นธรรม ตนอยากให้ผู้ประกอบการมาพูดคุยกัน เพื่อร่วมกันหาทางออกของปัญหา ทุกอย่างก็จะดีขึ้น เราไม่ได้ต้องการมาบีบบังคับทุกรูปแบบ เพียงแต่พยายามทำให้ลูกจ้างได้เงินชดเชยและเยียวยาเท่านั้น ซึ่งตนมองว่าผู้ประกอบการมีศักยภาพจ่ายค่าจ้างที่ค้างจ่ายอยู่แล้ว เพียงแต่เขาจะจ่ายหรือไม่เท่านั้น อย่างไรก็ตามวันนี้เราจะให้เจ้าหน้าที่นิติกรศาลเป็นผู้ทำคดีฟ้องศาลแรงงาน พร้อมกับเรียกนายจ้างมาพูดคุย เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการจ่ายค่าจ้างกับแรงงานต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี