การเดินทางเป็นเรื่องที่คู่กับชีวิตของผมก็ว่าได้ ซึ่งผมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ทำให้ผมมีโอกาสได้พบเจอผู้คนหลากหลายอาชีพในระหว่างการเดินทาง เป้าหมายในการเดินทางในแต่ละครั้งอาจจะซ้ำที่เดิมบ้าง แตกต่างไปจากเดิมบ้าง แต่การเตินทางในแต่ละครั้ง ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ ผมจึงรู้สึกยินดีทุกครั้งที่จะออกเดินทาง และยินดีมากขึ้นเมื่อเป้าหมายในการเดินทางแต่ละครั้ง คือ พี่น้องเกษตรกร ซึ่งทำให้ผมได้เรียนรู้วิธีคิดและรูปแบบการทำการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรในแต่ละถิ่น
เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสเดินทางไปพูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เป็นการไปเยี่ยมกันในสวนเลยทีเดียว หากบอกว่าเป็นสวนเงาะและสวนลองกอง หลายท่านอาจว่าผมเข้าใจอะไรผิดเป็นแน่ ผลไม้สองชนิดนี้น่าจะปลูกแถวภาคตะวันออกและภาคใต้ของไทย มากกว่าจะมาโผล่ที่จังหวัดอุดรธานีแต่ที่นี่คืออำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานีและปลูกมานับสิบปีแล้ว เกษตรกรที่ได้พูดคุยกันนั้นมีเงาะมีจำนวน 900 ต้น ราคาเฉลี่ยที่ขายได้ในปีนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ถือว่าสร้างรายได้ให้ดีพอสมควร ในขณะที่รอบๆ สวนแห่งนี้ยังคงเป็นไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย นาข้าว และยางพารา เป็นส่วนใหญ่
ผมประทับใจแนวคิดของเกษตรกรรายนี้มาก จากการเป็นคนขับรถบรรทุกตระเวนส่งของจากกรุงเทพฯ ไปยังภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคใต้หรือภาคตะวันออกซึ่งไปมาแทบทุกจังหวัด ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ทำหน้าที่คนขับรถส่งของ สังเกตเห็นว่าคนในภาคเหล่านั้น ไม่มีการปลูกข้าว เห็นแต่ไม้ผล เป็นสวนผลไม้เป็นหลัก และผู้คนก็มีฐานะ เศรษฐกิจดี ไม่จำเป็นต้องปลูกข้าวก็มีข้าวกินได้ แถมไม้ผลเหล่านี้ ปลูกครั้งเดียว สามารถเก็บผลผลิตได้นานหลายปี ช่วงนั้นเริ่มมีการก่อสร้างฝายกั้นน้ำใกล้ๆกับพื้นที่แห่งนี้ จึงคิดว่าน่าจะนำกล้าไม้ผลจากภาคใต้และภาคตะวันออกลองมาปลูกในพื้นที่อำเภอนายูง โดยลองนำมาปลูกหลายชนิดทั้ง เงาะ ลองกอง ทุเรียน และมังคุด ใช้โอกาสที่ขับรถไปส่งของพูดคุยกับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชุมพรและจันทบุรีบ้าง เพื่อให้ได้ข้อมูลในการดูแลรักษาไม้ผลแต่ละชนิด ซึ่งวางแผนไว้ก่อนแล้วว่าคงต้องเลิกอาชีพขับรถส่งของในไม่ช้า แล้วกลับมาปักหลักทำสวนผลไม้อย่างจริงจัง ในบ้านเกิดของตนเอง ทดลอง เรียนผิดเรียนถูกไปและคิดเสมอว่าต้องทำได้ พอเข้าปีที่ 4ไม้ผลที่นำมาปลูกเริ่มให้ผล จึงคิดว่ามาถูกทางแล้ว ระยะแรกนำผลผลิตที่ได้มาขายในตลาดก่อน และเมื่อเป็นรู้จักมากขึ้นก็ไม่ต้องนำออกไปจำหน่ายเอง เพราะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน ดังนั้น เมื่อเห็นว่าการทำสวนผลไม้ในพื้นที่บ้านเกิดเป็นไปได้แน่นอน จึงซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นเพื่อขยายสวนออกไปอีก รายได้จากการทำสวนสามารถที่จะเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินอีกต่อไป
ตัวอย่างของเกษตรกรรายนี้เป็นตัวอย่างของเกษตรกรผู้ที่กล้าเปลี่ยนแปลง จากการมีโอกาสได้เห็นได้เรียนรู้โดยตรงผ่านประสบการณ์และการสังเกต ตัดสินใจผันตัวเองจากการเป็นลูกจ้างคนขับรถบรรทุกกลับมายังบ้านเกิด พลิกทุนที่มีอยู่คือ ที่ดิน ลองทำอาชีพใหม่ๆ คือ การทำสวนผลไม้ เป็นความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งนอกจากจะสร้างอาชีพใหม่ที่มีความยั่งยืนแล้ว ความรักความผูกพันในครอบครัวก็มีมากขึ้นจากผลของการกลับมาทำการเกษตร ได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ในบรรยากาศของครอบครัวอย่างแท้จริง
การพัฒนาการเกษตรด้วยการลงมือทำ มุ่งมั่น และขยันหมั่นเพียร ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ ในทางกลับกัน หากไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทำแบบเดิมๆ สิ่งที่ได้มาก็ไม่พ้นแบบเดิม ผมเองเคยถูกเกษตรกรบางรายต่อว่า ตั้งแต่เกิดมาก็ปลูกแต่ข้าว แล้วจะให้ไปปลูกอะไรได้ เพราะเป็นชาวนาต้องทำนาถึงจะถูก วิธีการคิดลักษณะนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีแน่ ผมหวังว่าบทพิสูจน์จากเกษตรกรที่นายูงจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหลายๆราย ลองเปลี่ยนวิธีคิด และเปลี่ยนวิธีทำ ผลที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนไปจากเดิมไม่มากก็น้อย ขอเพียงแต่ต้องขยัน อดทนสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ อย่างมุ่งมั่นทุ่มเทความสำเร็จในการทำอาชีพเกษตรรออยู่แน่นอน
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี