ยกระดับคุมเข้มเชียงราย
สกัดโรค‘อหิวาต์หมู’
ตั้งด่านห้ามเคลื่อนย้าย
หลังระบาดในเมียนมา
รมช.เกษตรและสหกรณ์ สั่งคุมเข้มระดับสูงสุด ตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา สกัดโรคอหิวาต์หมู แพร่ระบาดเข้าไทย ประสาน ผู้ว่าฯ ตั้งด่านห้ามเคลื่อนย้าย สุกรเข้า-ออกทุกอำเภอ ขณะที่ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กำชับพบสุกรป่วย ทำลายฝังกลบทันที ยันทำลายหมู จ.เชียงราย 200 ตัว ตามแผนเฝ้าระวังโรค
เมื่อวันที่ 18 กันายน นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าขณะนี้เกิดการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ประเทศเมียนมา ใกล้ชายแดนไทยจึงสั่งการให้กรมปศุสัตว์ยกระดับการเฝ้าระวังเป็นระดับสูงสุด ทั้งนี้ ยังได้ขอความร่วมมือจากนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเพิ่มการตั้งด่านกักกันสัตว์ให้มากขึ้นตลอดแนวชายแดนตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเพิ่มเจ้าหน้าที่ทุกจุด โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมสนับสนุนเครื่องมือในการตรวจโรคเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ กำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานบริเวณชายแดนเคร่งครัดการในการตรวจยึดผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่นักท่องเที่ยวนำติดตัวเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทราบถึงมาตรการการควบคุม ป้องกันโรคของประเทศไทย
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์สร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกร เพื่อยกระดับการเลี้ยงสุกรให้มีระบบการป้องกันโรคที่ดีตามมาตรฐานที่กรมปศุสัตว์กำหนดได้แก่ มาตรฐานตามระบบ GFM หรือระบบ GAP และขอความร่วมมือให้เกษตรกรแจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์หากพบสุกรมีอาการป่วยตายผิดปกติ
“ไทยดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนจึงต้องประกาศห้ามนำหมูข้ามเขต ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายตั้งด่านสกัดเป็นร้อยด่าน รวมทั้งขอความร่วมมือจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติประสานผู้ประกอบการค้าไม่ให้เคลื่อนย้ายหมูและขอให้ช่วยรับซื้อหมูที่เชือดได้แล้วมาชำแหละเพื่อลดจำนวนหมูในพื้นที่” นายประภัตร กล่าว
นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่าสั่งการปศุสัตว์ทุกจังหวัดให้เฝ้าระวังโรค ASF อย่างเข้มข้นขึ้นเนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม กัมพูชา ลาวและเมียนมามีการระบาดจึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรทุกพื้นที่ หากมีสุกรป่วยให้แจ้งปศุสัตว์อำเภอและปศุสัตว์จังหวัด เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จะรับซื้อหมูจากเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่เสี่ยงและในรัศมีใกล้เคียงเพื่อนำไปทำลายและฝังกลบทันที โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ สนับสนุนค่าชดเชยซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันโรคตามปกติ
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจาก นายนพพร มหากันธา ปศุสัตว์จังหวัดเชียงรายว่า จากการตรวจพบสุกรในบางฟาร์มป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้จะเพียงไม่กี่ตัว แต่ตามแผนเฝ้าระวังโรค ASF ต้องทำลายซึ่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ฉีดยากำจัดไปแล้วรวมแล้วกว่า 200 ตัว จากนั้นนำไปฝังกลบ พร้อมกันนี้ได้เก็บชิ้นเนื้อตัวอย่างส่งไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุที่ศูนย์ วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบน จังหวัดลำปาง ใช้เวลา 14 วันจึงจะทราบผล ทั้งนี้ สุกรไม่ได้ป่วยตาย 200 กว่าตัว ตามที่เป็นข่าว แต่การทำลายสัตว์ในรัศมี 5 กิโลเมตร ที่พบสัตว์ป่วยเป็นมาตรฐานการป้องกันการระบาดโรคสัตว์
มีรายงานว่า ที่ จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ได้จัดกำลังเข้าไปสมทบร่วมกับด่านตรวจสกัดยาเสพติด 24 ชั่วโมงของฝ่ายความมั่นคงที่มีตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองที่ประจำอยู่ตามด่านถาวรต่างๆเพื่อตรวจสอบไม่ให้มีการขนย้ายสุกรหรือหมูทั้งมีชีวิตและชำแหละอย่างเข้มงวด โดยได้กำหนดเขตเฝ้าระวังพิเศษจำนวน 8 อำเภอ คือ อ.แม่ฟ้าหลวง แม่จัน แม่สาย เชียงแสน เชียงของ ดอยหลวง เวียงแก่น และเวียงเชียงรุ้ง ห้ามเคลื่อนย้ายหมูโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีการตั้งด่านตรวจ 24 ชั่วโมง ส่วนพื้นที่อีก 10 อำเภอที่เหลือของ จ.เชียงราย มีด่านชุมชนคอยสนับสนุนเพิ่มเติมว่ามีการขนย้ายจากเขต 8 อำเภอดังกล่าวออกมาหรือไม่ ขณะที่พื้นที่มีฟาร์มหมูและโรงเลี้ยงรวมกันจำนวนประมาณ 7,600 แห่ง และได้เข้าตรวจสอบแล้วจำนวน 4,902 แห่ง มีหมูทั้งหมด 169,216 ตัว และพบมีฟาร์มที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคจำนวน 87 ฟาร์ม มีหมูจำนวน 937 ตัว ซึ่งหากยังมีผู้ฝ่าฝืนก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 40,000 บาท
ข้อมูลจากองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) รายงานว่า มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรใน 24 ประเทศทั่วโลกประกอบด้วยในทวีปยุโรป 12 ประเทศ ทวีปแอฟริกา 4 ประเทศ และทวีปเอเชีย 7 ประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบการระบาดของโรคในเวียดนาม ลาว กัมพูชาและเมียนมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี