"สมศักดิ์"มอบเงินเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม13ล้านบาท แม่และเมีย"บิลลี่"ร่วมรับมอบด้วย
เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ กทม. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด "โครงการคุ้มครองสิทธิ : เพื่อสร้างวิถีชีวิตแห่งความเท่าเทียม" และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา จำนวน 12 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สมุทรสงคราม สมุทรปราการ อ่างทอง นครนายก ราชบุรี สมุทรสาคร นครปฐม รวมจำนวน 217 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 13,455,584.39 บาท
โดยมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาบุคคล 2 กลุ่ม ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 ให้แก่เหยื่ออาชญากรรม ผู้เสียหายในคดีอาญาที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตโดยตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมทั้งจำเลยในคดีอาญาถูกจำคุกในระหว่างพิจารณาคดี ต่อมาได้มีการถอนฟ้องหรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องว่าจำเลยไม่มีความผิดหรือที่เรียกว่า "แพะ"
ทั้งนี้ มีกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจ อาทิ กรณี นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ และกรณีอื่นๆ รวมจำนวน 217 ราย เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 13 ล้านบาท โดยมี นายวิศิษฐ์ วิศิษฐ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม , นายสมณ์ พรหมรส อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้รับงบประมาณประจำปี จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อเยียวยาให้แก่กลุ่มผู้เสียหาย ตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 แต่งบประมาณที่ได้รับไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือเยียวยา กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบให้ของบกลาง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางกรณีสำรองฉุกเฉิน อีกจำนวน 176,788,000 บาท เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ พ.ร.บ.ดังกล่าวได้ให้ความช่วยเหลือเยียวยาบุคคล 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้เสียหายในคดีอาญา ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเนื่องจากการกระทำความผิดอาญาของผู้อื่นโดยตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้นหรือที่เรียกว่า "เหยื่ออาชญากรรม" และ 2.จำเลยในคดีอาญา ที่ถูกพนักงานอัยการฟ้องต่อศาลว่าได้กระทำความผิดอาญาและจำคุกในระหว่างพิจารณาคดีต่อมาได้มีการถอนฟ้องหรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องว่าจำเลยไม่มีความผิดหรือที่เรียกว่า "แพะ"
"ในวันนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม จึงได้จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และให้ประชาชนได้ทราบถึงสิทธิตามกฎหมาย และยังเป็นการชี้แนะช่องทางการให้บริการภารกิจคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของกระทรวงยุติธรรม ผ่านสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งได้มีการกระจายอำนาจการพิจารณาให้ความช่วยเหลือไปทั้ง 76 จังหวัด ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรม" รมว.ยธ.กล่าว
ด้าน น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ "มึนอ" ภรรยาของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" หนึ่งในกรณีผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ เปิดเผยว่า ครอบครัวได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 140,000 บาท ซึ่งจะเก็บไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกทั้ง 5 คน วางแผนไว้ว่าให้เด็กๆได้เรียนหนังสือในระดับที่สูงๆ ส่วนเรื่องคดีนั้นต้องขอบคุณกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ทำให้ทราบว่าบิลลี่ถูกฆาตกรรม ฝากช่วยติดตามคนร้ายตัวจริงมาลงโทษให้ได้แต่ยังรู้สึกกังวลอาจมีผู้มีอำนาจเข้ามาเเทรกแซงในสำนวนคดี
น.ส.พิณนภา เผยอีกว่า ส่วนการดูแลความปลอดภัยได้มีเจ้าหน้าที่มาช่วยคุ้มครองไม่วิตกกังวลมากนัก นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่บิลลี่ไม่อยู่ตนรู้สึกลำบากเพราะต้องแบกภาระความรับผิดชอบดูแลครอบครัวคนเดียว
สำหรับคดีที่น่าสนใจกรณีรับเงินเยียวยา เช่น 1.กรณี นายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.57 ได้หายตัวไปซึ่งญาติเชื่อว่าหายสาบสูญไปโดยถูกบังคับ กระทั่งวันที่ 24 พ.ค.62 ดีเอสไอ ร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจพบชิ้นส่วนมนุษย์ในพื้นที่เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของผู้ตาย เห็นว่าเข้าข่ายการฆาตกรรมโดยทรมานและการบังคับบุคคลให้สาบสูญ มีการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งสิ้น 140,000 บาท
2.กรณี นายสมาน ทองเนื้อดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 เม.ย.62 บริเวณหอนาฬิกาห้วยขวาง ได้มีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งมีอาการเมาสุรา รุมทำร้ายคนขับรถโดยสารประจำทางสาย 12 และมีประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ถ่ายคลิปไว้ได้ ในขณะที่กำลังเล่นน้ำสงกรานต์ เงินเยียวยาทั้งสิ้น 8,206.50 บาท
3.กรณี ด.ช.พชรพล พิสสา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ค.62 น.ส.เพียงคำพร บุญพัฒน์ ได้ว่าจ้างนางมยุรี ทวงเกตุ (ผู้ต้องหา) ให้เลี้ยง ด.ช.พชรพล ต่อมาวันที่ 22 ก.ค.62 โรงพยาบาลได้โทรศัพท์แจ้งว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บถูกส่งมารักษาตัว พบว่าลูกชายมีบาดแผลรอยกัด มีรอย เขียวช้ำที่หน้าอกและหลัง ศีรษะบวม ไม่รู้สึกตัว มีอาการก้านสมองตาย และได้เสียชีวิตลงในวันที่ 26 ก.ค.62 สาเหตุของการทำร้าย ผู้ต้องหาอ้างว่าระหว่างที่ดูแล ผู้ตายไม่เชื่อฟังจึงลงโทษโดยการกัดตามร่างกาย หยิกใบหู และบางครั้งก็ใช้มือทุบตีไปที่แผ่นหลัง เคยใช้ขวดน้ำพลาสติกเปล่าตีไปที่ศีรษะ ทำไปต้องการให้เด็กหลาบจำ การช่วยเหลือเยียวยาทั้งสิ้น 140,000 บาท
4.กรณี น.ส.จุฑารัตน์ องอาจ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค.62 นางวรกมล องอาจ มารดาของน.ส.จุฑารัตน์ (ผู้ตาย) ได้รับโทรศัพท์แจ้งจากนายฐิติศักดิ์ ดีสวัสดิ์ (สามีของผู้ตาย) ว่า น.ส.จุฑารัตน์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 8 เดือน ลื่นล้มในห้องน้ำ โดยน.ส.จุฑารัตน์ มีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองชั้นใน และแท้งลูก อาการโคม่าและเสียชีวิตลงในวันที่ 28 ก.ค.62 ภายหลังนายฐิติศักดิ์ รับสารภาพว่า ตัวเองเป็นผู้ทำร้าย น.ส.จุฑารัตน์ สาเหตุของการทำร้าย ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่า ผู้ตายใช้มือจิกทำร้ายตน ด้วยความโมโหจึงต่อยเข้าที่ใบหน้า และศีรษะ การช่วยเหลือเยียวยาทั้งสิ้น 110,000 บาท
5.กรณี น.ส.ธิติมา ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค.61 บริเวณโรงแรม กรีนพอยท์ เรสซิเดนซ์ เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร นายอัศยาหรือโก้ ชัยภา (ผู้ต้องหา) อายุ 33 ปี ได้ใช้ไม้เบสบอลตีทำร้ายน.ส.ธิติมาหรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ (ผู้ตาย) เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และผู้ต้องหาได้ลักเอาทรัพย์และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ตาย แล้วหลบหนีไป สาเหตุของการทำร้าย เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายจับได้ว่าผู้ต้องหาเอารถยนต์ไปให้ภรรยาเก่าใช้ จึงทำให้ผู้ตายหึงหวงไม่พอใจจนเกิดการทะเลาะกันขึ้น การช่วยเหลือเยียวยา รวมทั้งสิ้น 111,300 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี