'โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิฯ' แจงสิทธิญาติและครอบครัวทหาร-พลเรือน ที่บาดเจ็บ-เสียชีวิต รับเยียวยาสูงสุด 200,000 บาท จากเหตุความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ให้แจ้งความตร.ออกเลขคดีอาญา เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯประจำจังหวัด
จากกรณีเกิดเหตุปะทะบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทยเป็นผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค.68 และได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทย รวมถึงได้โจมตีรุนแรงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยในช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค.68 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่พลเรือน ทชุมชนที่อยู่อาศัย ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมัน และโดยเฉพาะโรงพยาบาล เป็นเหตุให้ประชาชน และทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568 นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า การมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจากกรณีดังกล่าวข้างต้น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติ ธรรม มี พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2559 โดยผู้เสียหายที่จะได้รับการช่วยเหลือมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1.เป็นผู้ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกายหรือจิตใจ 2.เป็นการกระทำความผิดอาญาของผู้อื่น 3.ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งกรณีนี้มีคุณสมบัติที่เข้าเกณฑ์อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการถูกลูกหลง
แต่ “ความผิดอาญาของผู้อื่น”ก็ต้องมีการตีโจทย์ก่อนว่า “ผู้อื่น”ในที่นี้ หากหมายถึงกองกำลังต่างประเทศ ก็ต้องดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเข้าข่ายถือว่าเป็น“ผู้อื่น”ตามประมวลกฎหมายอาญาไทย ก็ต้องไปดูต่อว่าสามารถให้การเยียวยาได้หรือไม่ ซึ่งมันก็จะไปขึ้นอยู่กับ “ความผิดอาญา” เพราะในวิธีปฏิบัติสำหรับการพิจารณาจะต้องมีการรับเป็นเรื่องคดีอาญา หรือมีเลขคดีอาญาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ดังนั้น หากตำรวจรับแจ้งความและมีเลขคดีอาญาก็จะเข้าเงื่อนไขในการพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาได้
นายธีรยุทธ เผยอีกว่า สำหรับขั้นตอนว่าต้องรอสำนวนแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวไปถึงชั้นศาลก่อนหรือไม่ จึงจะมีการเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาได้นั้น ตนขอเรียนว่าไม่จำเป็นต้องถึงชั้นศาล เพราะเรื่องนี้ชัดเจนว่าผู้เสียหายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด และถ้าหากตำรวจมีการสรุปความเห็นว่าผู้เสียหายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดชัดเจน ทางคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ประจำจังหวัดนั้นๆ สามารถใช้ความเห็นของพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาได้
นายธีรยุทธ เผยต่อว่า ส่วนขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรม การพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาประจำจังหวัด จะมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือรองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานและมียุติธรรมจังหวัด เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยอื่นเกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ อาทิ ตำรวจ อัยการ แพทย์ ทนายความ ผู้แทนภาคประชาสังคม เป็นต้น ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ จะมีมติว่าเห็นสมควรจ่ายให้ทายาทของผู้เสียชีวิต/ผู้เสียหายรายใดบ้าง และรายละกี่บาท เพื่อจะได้ทำสรุปรายงานการประชุมแจ้งมายังส่วนกลาง (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) เพื่อทำเรื่องเบิกเงินช่วยเหลือต่อไป
นายธีรยุทธ เผยด้วยว่า สำหรับสิทธิการช่วยเหลือเยียวยาในกรณีนี้ หากคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนฯมีมติเห็นชอบตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2559 จะเป็นเงินจำนวนตั้งแต่ 110,000-200,000 บาท ดังนี้ 1.ค่าตอบแทนกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย 100,000 บาท กรณีเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่สนใจของสาธารณชน 2.ค่าจัดการศพ 20,000 บาท 3. ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท กรณีบิดามารดายังมีชีวิต 4.ค่าเสียหายอื่น 40,000 บาท กรณีเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่สนใจของสาธารณชน
ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ มีสิทธิ์ได้รับการเยียวยา ได้แก่ 1.ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 40,000 บาท, ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ไม่เกิน 20,000 บาท 2. ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ ตามค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่จังหวัดที่ประกอบการงาน ไม่เกิน 1 ปี และค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ๆ ไม่เกิน 50,000 บาท โดย ทั้ง 2 กรณีขึ้นอยู่กับการสรุปความเห็นเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบ สวนและการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ประจำจังหวัดเป็นสำคัญ
นายธีรยุทธ กล่าวปิดท้ายว่า ตลอดห้วงเวลาภายหลังเกิดเหตุการณ์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้สั่งการให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ มีการมอบหมายเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และยุติธรรมจังหวัด ลงพื้นที่ตามจังหวัดที่เกิดเหตุ พร้อมประสานกับทางจังหวัดในส่วนของศูนย์อพยพ เพื่อรับเรื่องและให้คำแนะนำทางกฎหมาย รวมถึงแจ้งสิทธิได้รับการพิจารณาเงินค่าช่วยเหลือเยียวยาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2559
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี