สธ.อัปเดตโควิด-19 พบสายพันธุ์ XEC ระบาด เผยยอดสัปดาห์ที่ 21 ป่วยแล้วกว่าแสนราย ดับ 27 ศพ ยันเชื้อไม่รุนแรง แต่แพร่เชื้อได้เร็ว กระทบกลุ่ม 608 ด้าน “หมอธีระ” เผยสถิติผู้ป่วยสูงกว่าไข้หวัดใหญ่ 7 เท่า จี้รัฐบาลทบทวนด้านมาตรการป้องกันโรค

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่าปฏิทินการควบคุมโรคจะนับตั้งแต่วันที่ 1มกราคม2568 จนถึงวันเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่21 มีผู้ป่วยสะสม108,891ราย เสียชีวิต 27รายและหากดูย้อนหลังในปี 2567 ช่วงเวลาเดียวกัน มีผู้ป่วยสะสม 412,528ราย เสียชีวิต121ราย สำหรับปี2568 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบที่เสียชีวิตคือกลุ่ม 608และเป็นผู้สูงอายุสูงถึง 80% รวมถึงกลุ่มเด็ก และพบการระบาดในสาย XEC ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มาจากลูกหลานโอมิครอน แม้ว่าโดยรวมไม่รุนแรง แต่แพร่เชื้อได้รวดเร็ว เสี่ยงต่อกลุ่มสูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง แม้อัตราการเสียชีวิตจะน้อยแต่เป็นเรื่องที่เราต้องป้องกัน

ด้านรศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กThira Woratanartโดยระบุว่า สถิติของสัปดาห์ที่ผ่านมา โควิด-19 มากกว่าไข้หวัดใหญ่ถึงเกือบ 7 เท่า เคสป่วยรักษาที่รพ.ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก ยอดพุ่งไปที่ 43,213ราย (และอาจเพิ่มขึ้นอีก เพราะมี delayed report) ยอดขณะนี้ถือว่าสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ถึง 35.5% เสียชีวิต 3 ราย ที่กาญจนบุรี สุโขทัย และกทม.(เขตบางกอกน้อย) เศรษฐกิจโดยรวมจะเห็นได้ว่า มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งหากป้องกันควบคุมโรคระบาดไม่ดี คนป่วยกันมาก จะรักษาตัวที่บ้านหรือไปรักษาที่รพ.ก็ตาม ยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

รศ.นพ.ธีระ ระบุอีกว่า ตัวเลขในระบบรายงาน ไม่ได้รวมคนจำนวนมากที่ติดเชื้อ ป่วย แต่ไม่ได้ไปที่รพ.ค่าใช้จ่ายในการรักษา บวกค่าใช้จ่ายโดยอ้อม และค่าเสียโอกาสต่างๆ อย่างน้อยรวมแล้วหลักหลายร้อยไปถึงหลักหลายหมื่น ขึ้นกับความรุนแรงของอาการป่วย จะจ่ายเอง หรือมีประกันช่วยจ่ายก็ตาม อยากให้รัฐบาลทบทวนการจัดการป้องกันโรคให้ดี เพราะสุดท้ายแล้วเป็นงูกินหาง โดยคนรากหญ้าล้วนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าในภาวะระบาดหนักเช่นนี้ โรคประจำถิ่น แปลว่าพบได้บ่อย แต่ไม่ได้แปลว่าไม่รุนแรง หรือไม่สร้างผลกระทบวงกว้าง ดังนั้นจึงต้อง Take action seriously ในสถานการณ์เช่นปัจจุบัน