‘ไบโอเมทริกซ์’โชว์ผลงาน! ‘สืบตม.2’จับรวด 6 คดี
6 พฤศจิกายน 2562 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) , พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) และ พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ รอง ผบก.ตม.2 แถลงผลการจับกุมคดีสำคัญ
สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.วีรพล และ พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ สั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และกวดขันจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย หรือ ที่มีพฤติกรรมจะเข้ามากระทำความผิดทางอาญา หรือก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย โดย พล.ต.ต.วีรพล ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม ผกก.กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่า ในห้วงระหว่างเดือนตุลาคม 2562 กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (กก.สส.ปป.บก.ตม.2) มีผลการจับกุมคดีสำคัญๆ 6 ราย
รายที่ 1 และ 2 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 19.00 น. จับกุมชายชาวจีน 2 ราย ใช้วีซ่าแคนาดาปลอมในการเดินทาง เป็นผลจากการประสานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สายการบิน กรณีพบชายต่างด้าวสัญชาติจีน 2 ราย ใช้แผ่นปะตรวจลงตราประเทศแคนาดา ซึ่งมีลักษณะต่างจากของจริงมาแสดงเพื่อใช้เดินทางระหว่างประเทศ โดยมีปลายทาง คือ เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา
หลังจากได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สายการบิน เจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้เร่งรัดเข้าตรวจสอบแต่ไม่พบคนต่างด้าว ซึ่งในเวลาต่อมาจึงได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายการบินเพิ่มเติมว่าคนต่างด้าวชาวจีนทั้ง 2 รายข้างต้นได้หลบหนีไป และได้ทิ้งหนังสือเดินทางไว้ที่เจ้าหน้าที่สายการบิน พ.ต.ท.ทศพร ต้นสุวรรณ์ สว.กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตาม โดยแบ่งกำลังพลเป็นชุดสืบสวนลาดตระเวน และชุดตรวจสอบกล้องวงจรปิด
ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า คนต่างด้าวชาวจีนทั้ง 2 ราย ได้ขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีออกไปจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจากการสืบสวนขยายผล พบว่า คนร้ายได้หลบหนีไปยังโรงแรมย่านรางน้ำ พ.ต.ท.ทศพร จึงได้นำกำลังรุดไปยังโรงแรม และจับกุมคนต่างด้าวชาวจีนทั้ง 2 ราย ในฐานความผิด “ปลอมและใช้รอยตราหรือแผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับเดินทางระหว่างประเทศ”
จากการสืบสวน ชาวจีน ทั้ง 2 อ้างว่า “ได้ซื้อเอกสารดังกล่าวที่ผ่านทางแอปพลิเคชั่น WE CHAT ราคาประมาณ 2,000 หยวน หรือประมาณ 10,000 บาท ก่อนที่จะเดินทางมาประเทศไทย และได้ใช้หนังสือเดินทางเล่มดังกล่าวในการเดินทาง เพื่อไปลักลอบทำงานในประเทศแคนาดา” พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายที่ 3 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 21.00 น. จับกุมชายต่างด้าวไม่ทราบชื่อสกุลที่แท้จริง อายุประมาณ 57 ปี ใช้หนังสือเดินทางประเทศแอฟริกาใต้ปลอม โดยปลอมหน้าข้อมูลส่วนบุคคล ในการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยชายต่างด้าวไม่ทราบชื่อสกุลที่แท้จริง ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เข้าไปขอรับการตรวจอนุญาตเข้าเมืองผ่านระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometrics)
โดยระบบได้แจ้งว่า “หนังสือเดินทางมีการปลอมแปลงหรือมีการแก้ไขในส่วนของระบบนิรภัย “MRZ” (Machine Readable Zone)” และจากการสืบสวนชายต่างด้าวดังกล่าวข้างต้น ได้กล่าวอ้างว่า “ตนเป็นบุคคลสัญชาติแอฟริกาใต้จริง มีถิ่นที่อยู่ในประเทศคูเวต พร้อมแสดงบัตร Residence card ที่มีชื่อสกุลเดี่ยวกับหนังสือเดินทางประเทศแอฟริกาใต้ปลอมเล่มดังกล่าว แต่เนื่องจากหนังสือเดินทางจริงของตนหายไป และมีปัญหาในการขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จึงติดต่อนายหน้าในประเทศคูเวตทำหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าว ราคาประมาณ 1,400 ดีน่าร์ หรือประมาณ 140,000 บาท
เจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด “ปลอมและใช้หรือมีไว้ซึ่งหนังสือเดินทางของปลอม (หนังสือเดินทางประเทศ South Africa) ในการเดินทางระหว่างประเทศ” พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
รายที่ 4 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 01.00 น. จับกุมชายต่างด้าวลักษณะคล้ายชาวจีน อายุประมาณ 21 ปี โดยขณะที่ผู้ถูกจับกุมแสดงหนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ไปขอรับการตรวจลงตรา Visa on Arrival ณ ฝ่ายตรวจลงตราฯ โดยระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) แจ้งว่าไม่สามารถอ่านข้อมูลจาก chip ภายในหนังสือเดินทางได้ เจ้าหน้าที่ ตม.ผู้ทำหน้าที่ประจำช่องตรวจ จึงได้ตรวจสอบหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าว พบว่า มีการปลอมแปลงในส่วนของหน้าข้อมูลบุคคล (Bio Data Page) และจากการสืบสวน
โดยผู้ถูกจับกุมได้ให้การยอมรับว่า “ได้ติดต่อนายหน้าชาวไต้หวันไม่ทราบชื่อสกุลที่แท้จริง ให้ช่วยจัดหาเอกสารให้ และได้ชำระเงินเป็นค่าดำเนินการ จำนวน 1,000 หยวน (ประมาณ 5,000 บาท)” จึงถูกจับกุมในฐานความผิด “ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอม (หนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน))” พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
รายที่ 5 และ 6 เมื่อวันที่ 24 ต.ค.62 เวลาประมาณ 14.15 น. จับกุมชาวอินเดีย 2 ราย สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ตรวจพบบุคคลต่างด้าวทั้งสองขณะจะเดินทางกลับประเทศอินเดีย โดยทั้งสองได้เข้ามาขอรับการตรวจอนุญาตออกนอกราชอาณาจักรโดยระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) แจ้งว่าไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้าในราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ ตม. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประช่องตรวจฯ ได้ดำเนินการตรวจข้อมูลการเดินทางภายในหนังสือเดินทาง พบรอยตราประทับขาเข้า ตม.สุไหงโกลก ต้องสงสัยในหน้าหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่ม จึงประสานมายัง กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ร่วมตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบ พบว่า รอยตราประทับขาเข้า ตม.สุไหงโกลก เป็นของปลอม และในเวลาต่อมาคนต่างด้าวทั้งสองได้ยอมรับสารภาพว่า “ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ลักลอบทำงานในประเทศมาเลเซีย เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องพัก เนื่องจากลูกของพวกตนไม่สบายจึงประสงค์กลับบ้านไปดูแลลูก นายจ้างชาวมาเลเซียจึงส่งกลับ โดยพาพวกตนลักลอบเข้ามาทางรถยนต์ผ่านด่านสุไหงโกลก และนายจ้างเป็นผู้จัดหารอยตราประทับเข้า-ออกมาเลเซีย และ ตราประทับขาเข้า ตม.สุไหงโกลก ดังกล่าวให้” จึงถูกจับกุมในฐานความผิด “ปลอมและใช้รอยตราหรือแผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับเดินทางระหว่างประเทศ” พร้อมนำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
# ขอบคุณ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.อก.สตม. ปฏิบัติราชการรอง ผบก.ตม.1 ประสานงานส่งข่าว / พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ ผกก.ฝอ.5 และงาน ปชส.บก.อก.สตม. ข้อมูลข่าวและรูปภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี