หลังจากที่เกิดเหตุการณ์คนร้ายยิงป้อมชุดคุ้มครอง ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จนทำให้มีชาวบ้าน ซึ่งเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเสียชีวิตจำนวน 15 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย ซึ่งอยู่ในระหว่างการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายอย่างกระชั้นชิดนัั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ในการติดตามคนร้ายผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นสมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 ในผู้ถูกจับกุม ใน อ.ธารโต จ.ยะลา เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา และกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ามีการให้ข่าวว่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มโจรที่ถล่มป้อมยาม ชรบ.ทางลุ่มนั้น
เจ้าหน้าที่ซึ่งทำการสอบสวน เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแนวร่วม หรือคนร้ายกลุ่มอื่นๆ ซึ่งเคยก่อเหตุหลายๆเหตุการณ์ ในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ สงขลา จึงนำตัวมาสอบสวนเพื่อที่หารายละเอียดว่า มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่ถล่ม ชรบ.ทางลุ่มหรือไม่เท่านั้น ซึ่งในเบื้องต้น ยังไม่พบความเชื่อมโยงโดยตรง
เช่นเดียวกับคำสั่งของพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ให้ ฉก. ปัตตานี,ยะลา และ นราธิวาส สั่งการให้ กำลังพลในทุกพื้นที่ ตรวจสอบสุสาน ว่ามีการฝังศพคนร้ายหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบสถานที่ต้องสงสัยในการเป็นที่รักษาพยาบาลคนเจ็บ เพราะจากหลักฐานต่างๆ ที่ชุดลาดตระเวนเดินเท้าพบในเส้นทางหลบหนีของคนร้าย พบว่ามีผู้บาดเจ็บ 2-3 คน และ หนึ่งในนั้นบาดเจ็บสาหัส ต้องมีการตัดไม้ทำเปลหามไปรักษาตัว
ซึ่งในการสืบสวน เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ ตรวจค้น หมู่บ้านเป้าหมาย ซึ่งอยู่ในเทือกเขาใน ต.ลำพญาเพราะเชื่อว่าคนเจ็บต้องมีการใช้รถยนต์ในการหลบหนีเพื่อไปยังสถานที่พยาบาล โดยในเบื้องต้นพบว่ามีแนวร่วมระดับเปอร์มูดอในพื้นที่ ต.ลำพญา ต.ลำใหม่ อ.เมือง ยะลา มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำคนเจ็บหลบหนีครั้งนี้
สำหรับเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บของขบวนการบีอาร์เอ็นนั้น ใน 15 ปี ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารไม่เคยตรวจพบว่า ผู้บาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ถูกนำไปรักษาพยาบาลที่ไหน
ทั้งนี้อดีตแนวร่วมระดับสูงที่ออกจากขบวนการแล้ว ให้ข้อมูลว่า ใน 3 จังหวัดและ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นมีแนวร่วม ซึ่งจบแพทย์จากประเทศเพื่อนบ้านคอยช่วยเหลือ โดยมีหน่วยลำเลียงเป็นผู้รับผิดชอบในการนำส่งผู้ปวยไปรักษา หรือส่งตัวข้ามไปยังรักษายังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
"ที่ผ่านมา 15 ปี เจ้าหน้าที่ยังค้นไม่เจอสถานที่ ซึ่งบีอาร์เอ็นใช้ในการรักษาพยาบาลคนเจ็บ ใน จ.นราธิวาส เคยมีข่าวว่า สถานที่ในการ รักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ ตั้งอยู่ใน อ.สุคิริน แต่ไม่มีรายละเอียดว่าอยู่ตรงจุดไหนของอำเภอ รวมทั้งกลุ่มผู้รับผิดชอบ คนเจ็บ คนป่วย ของบีอาร์เอ็นคือกลุ่มสตรี ที่มีการจัดตั้งในทุกอำเภอ แต่ที่ผ่านมางานการข่าว ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ไม่เคยมีรายงานถึงความเคลื่อนไหว ไม่มีรายละเอียดของกลุ่มสตรี ที่เป็นกำลังสำคัญในพื้นที่แต่อย่างใด"แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุโจมตีชรบ.ที่ยะลา ตั้งแต่วันที่ 7-8 พ.ย.ที่ผ่านมา กำลังทหารพรานในทุกจังหวัดได้ดำเนินการตรวจสอบตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ทั้งสุสาน หรือ“กุโบร์”และสถานีอนามัย สถานพยาบาลเอกชน รวมทั้งร้านจำหน่ายยา ในพื้นที่อย่างละเอียด แต่ไม่พบเบาะแสว่ามีการนำผู้บาดเจ็บจากการปะทะมาทำการรักษาพยาบาล ทุกชุดที่ออกไปตรวจสอบต่างคว้าน้ำเหลว และผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
แหล่งข่าวที่มีความเข้าใจในการเป็นองค์กรลับของ บีอาร์เอ็น เปิดเผยว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กำลังหลงทางในเรื่องของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งทุกครั้งจะระบุในทันที่หลังการก่อเหตุเพิ่งจบ ทั้งที่ยังไม่มีพยานหลักฐาน รวมทั้งการเอาหลักฐานจากปลอกกระสุนปืนที่เคยก่อเหตุ มาเป็นประเด็นว่า ผู้ก่อเหตุเป็นใคร โดยอ้างว่า ปืนที่ใช่ก่อเหตุ เคยก่อเหตุมาแล้วกี่เหตุ แต่ปืนดังกล่าว เป็นปืน'กองกลาง'ไม่ใช่อาวุธประจำกายของคนใดคนหนึ่ง พอจะก่อเหตุก็จะมารับปืนกองกลาง และกลังก่อเหตุก็นำกลับมาส่งคืนเพื่อรอใช้ในครั้งต่อไป
"ดังนั้น ผู้ที่ใช้ปืนที่มีประวัติในการก่อเหตุ จึงไม่ใช่บุคคลเดียวกัน ในเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น การสรุปการสืบสวน สอบสวน เช่นนี้ จึงทำให้มีการออกหมายจับ “ซ้ำซาก” ทำให้เห็นว่า มีแต่ “แนวร่วม” หรือ คนร้าย กลุ่มเก่า ที่มีอยู่ไม่ถึง 20 คน ซึ่งต่างมีหมายจับคนละ 10-20 หมาย ใน 15 ปี ทั้งที่ข้อเท็จจริง การก่อเหตุแต่ละครั้ง อาจจะเป็นคนอื่น และเป็นแนวร่วมหน้าใหม่หรือ”กลุ่มคน”หน้าขาว”ที่ไม่มีประวัติในแฟ้มของ ตำรวจ ทหาร"แหล่งข่าวระบุ
ล่าสุดหน่วยข่าวความมั่นคง ได้รายงานให้ทราบว่า กลุ่มคนร้ายทั้งหมด ยังไม่ได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่หลังการก่อเหตุ ได้แยกย้ายกันไปหลบซ่อน ซึ่งพื้นที่ต้องสงสัยที่มีเบาะแสคือ อ.โคกโพธิ์ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นแหล่งกลบดานสำคัญ และมีเส้นทางธรรมชาติในการหลบหนีข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้สะดวกที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี