กลางเดือนพฤศจิกายนแล้ว ผ่านเทศกาลลอยกระทงไปอีกครั้ง อากาศเย็นก็ยังไม่มาให้คนเมืองหลวงไปสัมผัสกันเท่าใดนัก ไม้ผลหลายชนิดจะติดดอกออกผลได้จะต้องได้รับความเย็นในระดับหนึ่งติดต่อกัน ตาดอกจึงจะออกมาได้ ถ้าความเย็นไม่ถึงระดับ ตาดอกก็จะเปลี่ยนไปเป็นใบเสีย กลายเป็นพันธุ์ดูใบแทน สิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติ เว้นแต่มนุษย์เราจะไปทำให้ความปกติเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ล้วนๆ
หลายวันก่อน มีโอกาสไปแม่กลองผมก็ลุ้นๆ อยู่ว่าลิ้นจี่แม่กลองจะติดดอกในฤดูนี้หรือไม่ หลายๆสวนที่ผมไปพบมาก็ตัดลิ้นจี่ทิ้งไป เปลี่ยนมาปลูกส้มโอแทน เห็นว่าส้มโอยังไงก็ออกผล ไม่ต้องคอยลุ้นให้เทวดามาโปรดเหมือนลิ้นจี่ ผมนั่งคุยกับชาวสวนลิ้นจี่คนหนึ่ง ในความเห็นผมค่อนข้างจะเป็นชาวสวนนักอนุรักษ์ เพราะยังยืนยันที่จะคงต้นลิ้นจี่ไว้ ไม่ยอมตัดไปปลูกส้มโอทั้งหมด แต่ก็ต้องยอมรับว่าจำนวนต้นลิ้นจี่ที่มีในสวนน้อยกว่าต้นส้มโอมาก จากที่มีลิ้นจี่ทั้งสวนก็ลดจำนวนลงเรื่อยๆ เหลือไว้พอให้ขึ้นชื่อว่ายังมีลิ้นจี่แม่กลองอยู่ ชาวสวนลิ้นจี่รายนี้ ติดตามพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าเป็นข่าวหลักๆ ที่ชาวสวนติดตาม เมื่อทราบว่าอุณหภูมิจะลดลงเมื่อไหร่ จะต้องรีบไปหักยอดลิ้นจี่ออก แล้วรอลุ้นว่าจะพอดีกับอุณหภูมิที่ลดลงหรือไม่ ถ้าจังหวะดีๆ ตาที่ออกมาใหม่ก็จะเปลี่ยนเป็นตาดอก รอให้เก็บผล ถ้าจังหวะไม่ดี ตาดอกก็จะเปลี่ยนเป็นตาใบแทน ถือว่าฤดูนี้จบกัน ลิ้นจี่พันธุ์ดูใบแน่นอน ด้วยความสงสัยผมจึงสอบถามว่าชาวสวนรายอื่นๆ รู้เทคนิควิธีการนี้หรือไม่คำตอบ คือ รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง บางคนก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเทวดาฟ้าดินไป
ในวงการเกษตรระดับนโยบายอยู่ระหว่างการผลักดันนโยบายเกษตรอัจฉริยะ ผลักดันการนำ Big Data มาใช้ในทางการเกษตร คำถามที่เกิดขึ้น คือ ความเข้าใจเรื่อง Big Data ความเข้าใจเรื่อง เกษตรอัจฉริยะ คืออะไร จะมุ่งไปเพียงสั่งการให้น้ำได้ผ่านมือถือ สั่งเพิ่มแสง ลดแสง สั่งให้ใส่ปุ๋ยได้ตามสภาพของดินของพืชเท่านั้นหรือ อันที่จริงแล้วเรื่องที่อยู่ภายใต้ความอัจฉริยะ คือ จะทราบได้อย่างไรว่าพืชชนิดนี้ต้องการน้ำในแต่ละช่วงเวลาเท่าใด ความชื้น ความเข้มของแสง อุณหภูมิที่จะทำให้พืชเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูงสุด โดยไม่ชักนำให้เกิดโรคแมลงศัตรูพืชคือระดับไหน ในแต่ละช่วงของการเจริญเติบโตของพืชต้องการธาตุอาหารใดบ้างเป็นปริมาณเท่าใด ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและลงลึกในรายละเอียด ไม่ใช่จะหวังพึ่งพาเทคโนโลยีอัจฉริยะแต่เพียงฝ่ายเดียว
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเป็นความก้าวหน้าที่ก้าวกระโดด และจะยิ่งก้าวไปไกลกว่านี้อีกในอนาคตอันไม่ไกล ดังนั้นสามารถสั่งการอย่างไรก็ได้ ต้องการให้ทำอะไรไม่เป็นปัญหาสำหรับเทคโนโลยี แต่สิ่งที่เป็นปัญหา คือทำอย่างไรจึงจะทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้สั่งการได้ถูกต้อง อยากให้ลิ้นจี่แม่กลองออกดอกติดผลต้องมีปัจจัยใดบ้าง คงเป็นประเด็นที่ต้องมาคิดกันต่อ ความเป็นอัจฉริยะไม่ได้สร้างได้ในวันสองวัน Big Data ที่กระจัดกระจาย Big Dataที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย จะกลายเป็นเพียงข้อมูลขยะเท่านั้น และก่อนจะได้จุดที่เป็นอัจฉริยะ ขอให้เริ่มจากทำอย่างไรให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม เทคโนโลยีง่ายๆ แค่เด็ดยอดเท่านั้น
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี