วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดเผยว่า กรมเตรียมความพร้อมสหกรณ์การเกษตรเพื่อเข้าโครงการชะลอและรวบรวมข้าวเปลือกปี 2562/63 ของรัฐบาล โดยให้สหกรณ์จังหวัดเร่งแจ้งหลักเกณฑ์เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ หลังกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เชิญผู้ประกอบการค้าข้าว ธ.ก.ส. สมาคมธนาคารไทยองค์การคลังสินค้า และกรมส่งเสริมสหกรณ์ หารือสถานการณ์ราคาข้าวและการซื้อขายข้าวเปลือก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีโรงสีเอกชนและสหกรณ์การเกษตรบางแห่งต้องปิดจุดรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เพราะประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุปแนวทางช่วยเหลือ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1.โครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกต้นฤดูกาลผลิตโดยเก็บในยุ้งฉางของเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร มีเป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก มีค่าเก็บรักษาให้เกษตรกรตันละ 1,500 บาท หากสถาบันเกษตรกรเป็นผู้เก็บรักษาข้าวจะได้ตันละ 1,000 บาท และจ่ายให้เกษตรกรที่นำข้าวมาเก็บไว้ที่สหกรณ์ตันละ 500 บาท วงเงินจ่ายขาด 1,500 ล้านบาท 2.โครงการสินเชื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรวงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อให้สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อจำหน่ายหรือแปรรูป อัตราดอกเบี้ยMLR- 1 เท่ากับ 4% ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรจะรับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนรัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 3 วงเงินจ่ายขาด 562 ล้านบาท และมาตรการที่ 3 โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก เป้าหมาย 4 ล้านตัน ระยะเวลาเก็บสต๊อก 2-6 เดือน รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3 วงเงินจ่ายขาด 510 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าทั้ง 3 มาตรการจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.วันที่ 3 ธันวาคม
“ปัจจุบันมีสถาบันเกษตรกรที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมข้าวจากสมาชิก เป็นสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 488 แห่ง ใน 62 จังหวัด สมาชิก 3,335,211 ราย สำหรับสหกรณ์ที่กู้จาก ธ.ก.ส.เพื่อนำมารวบรวมข้าวตามโครงการที่เป็นดอกเบี้ยปกติไปแล้วจะได้รับการปรับลดดอกเบี้ยตามมาตรการสินเชื่อรวบรวมข้าว ย้อนหลังให้ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน”นายพิเชษฐ์ กล่าว
ผลรวบรวมข้าวเปลือกของสหกรณ์ ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน มีสหกรณ์เปิดจุดรวบรวมข้าวเปลือก 314 แห่งใน 49 จังหวัด 726,617 ตัน หรือร้อยละ 21.16 ของแผน มูลค่ารวม 7,671 ล้านบาท สำหรับผลรวบรวมเฉพาะข้าวหอมมะลิขณะนี้ดำเนินการแล้ว 436,874 ตัน มูลค่า 5,469 ล้านบาท แบ่งเป็นภาคเหนือ 133,802 ตันภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 303,072 ตัน เมื่อทั้ง 3 มาตรการผ่านความเห็นชอบของครม.แล้ว สินเชื่อที่ได้รับจะมีส่วนช่วยสนับสนุนทุนหมุนเวียนให้ธุรกิจรวบรวมข้าวของสหกรณ์คล่องตัวมากขึ้น และเปิดจุดรับซื้อข้าวได้เต็มศักยภาพของสหกรณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี