“ประภัตร โพธสุธน” ลุยอีสาน เตรียมพร้อมหนุนปลูกข้าวพันธุ์ดี สั่งศูนย์วิจัยข้าวเร่งโชว์ศักยภาพพัฒนาคุณภาพข้าวไทยทวงคืน “แชมป์ข้าวหอมมะลิโลก” หลังเสียแชมป์ให้เวียดนาม
1 ธันวาคม 2562 นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น กองวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่า จากกรณีที่ไทยเสียแชมป์ข้าวหอมมะลิโลก ให้กับประเทศเวียดนาม ในการประกวดข้าวโลก 2019 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ผ่านมานั้น ในวันนี้จึงได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนของศูนย์วิจัยข้าวทุกแห่ง เพื่อร่วมกันวิเคราะห์หาสาเหตุ รวมถึงมีจุดแข็งและจุดเด่นอะไร
เบื้องต้นทราบว่าข้าวหอมมะลิที่ส่งประกวดในครั้งนี้ ผู้ที่ส่งข้าวไปทดสอบนั้นไม่ตรงตามสเปกที่ตกลงกันกับกรมการข้าว จึงถือว่าการประกวดครั้งนี้กองประกวดข้าวโลกยังไม่ได้รับข้าวที่ได้มาตรฐานของกรมการข้าวที่ตรงตามสเปก เชื่อว่าคุณภาพของข้าวหอมมะลิไทยไม่ได้ลดลง แต่การเสียแชมป์ในครั้งนี้ส่งผลต่อความรู้สึกของคนไทย เพราะครองแชมป์มาต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี
“จริงๆ เราไม่ได้แพ้ แต่ผู้ที่ส่งข้าวไปนั้นไม่ตรงกับสเปกที่ได้เตรียมไว้ ดังนั้นปีหน้าจึงต้องเอาแชมป์กลับคืนมา โดยได้สั่งการให้ศูนย์วิจัยข้าวในพื้นที่ภาคอีสานไปศึกษาอย่างละเอียดว่าการประกวดมีข้อกำหนดอะไรบ้าง เช่น ความนุ่มความเหนียว รสชาติ กลิ่นหอม ตลอดจนวิจัยทุกด้าน ที่สำคัญต้องปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ให้มีความยาวเพิ่มขึ้น ต้องไปวิจัยใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้ข้าวหอมมะลิไทยจะคงคุณภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด” นายประภัตร กล่าว
นายประภัตร ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ขอให้ศูนย์วิจัยข้าวทุกแห่งตั้งแปลงทดลองปลูกข้าวหอมมะลินอกฤดู และจัดการการปลูก และธาตุอาหารตามเทคโนโลยีที่ได้จากแผนงานวิจัยการศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยเพื่อทดสอบคุณภาพก่อนวันที่ 20 ธันวาคม 2562 โดยให้รายงานผลทุกสัปดาห์ พร้อมติดตั้งกล้อง cctv เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงตลอดการผลิต เพื่อให้ได้ข้าวเหนียวที่ดีที่สุด กลิ่นหอมเก็บได้นาน อีกทั้งให้เป็นแปลงเรียนรู้ให้กับชาวนาและประชาชนทั่วไปสามารถนำไปปฏิบัติได้ สิ่งสำคัญต้องทำให้เพิ่มผลผลิตด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยมีผลผลิตไร่ละ 362 กิโลกรัม จะทำอย่างไรให้ได้ไร่ละ 600 กิโลกรัม ศูนย์วิจัยข้าวต้องไปศึกษาต่อไป
สำหรับคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าวในช่วงที่เกิดอุทกภัย จะต้องมีการปรับปรุงพันธุ์ตลอด เนื่องจากสภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะปีนี้ที่เกิดฝนแล้ง น้ำท่วม ดังนั้นศูนย์คัดเมล็ดพันธุ์ต้องเลือกคัดเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพเท่านั้น มีการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้ ตลอดจนขอความร่วมมือร้านค้าต่างๆ ให้ช่วยกันคัดเมล็ดพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพเพื่อให้ชาวนาได้ใช้เมล็ดพันธุ์ดีนำไปเพาะปลูก ไม่ให้ชาวนาต้องเสียหาย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น มีพื้นที่ 261 ไร่ 3 งาน 33 ตารางวา มีวิสัยทัศน์เป็นแหล่งวิจัยและพัฒนาข้าวเหนียวคุณภาพดี เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่นยืน มีเป้าการผลิต ปี 2561 พันธุ์คัด กข6 จำนวน 2.4 ตัน ขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 2.4 ตัน พันธุ์หลัก กข6 จำนวน 20 ตัน ขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 30 ตัน และเป้าการผลิต ปี 2562 พันธุ์คัด กข6 จำนวน 2 ตัน ขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 3 ตัน พันธุ์หลัก กข6 จำนวน 20 ตัน ขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 30 ตัน
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น มีภารกิจปรับปรุงพันธุ์ข้าว พัฒนาเมล็ดพันธุ์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ รับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม และ จ.กาฬสินธุ์ โดย จ.ขอนแก่น มีพื้นที่นา 2,398,200 ไร่ (ปลูกข้าวเหนียว 1,662,000 ไร่ ข้าวหอมมะลิ 736,200 ไร่) จ.มหาสารคาม มีพื้นที่นา 2,169,899 ไร่ (ปลูกข้าวเหนียว 1,202,708 ไร่ข้าวหอมมะลิ 967,191 ไร่) และ จ.กาฬสินธุ์ มีพื้นที่นา 1,464,187 ไร่ (ปลูกข้าวเหนียว 1,083,266 ไร่ ข้าวหอมมะลิ380,921 ไร่) รวมพื้นที่ทั้งหมด 6,032,286 ไร่
ศูนย์แห่งนี้มีจุดเด่น คือ การปรับปรุงพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นาน้ำฝนและนาชลประทาน ที่ผ่านการรับรองพันธุ์จากกรมการข้าว 5 พันธุ์ คือ กข8 สกลนคร กข12 กข16 และ กข20 ตลอดจน มีการให้บริการเกษตรกรในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี เช่น ศูนย์บริการวิชาการด้านข้าว ศูนย์บริการชาวนา คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯลฯ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี