เตือนรับมือหนาว
เย็นฮวบ6-10องศา
ระหว่าง3-10ธันวาฯ
ฝนถล่ม2จว.ใต้อ่วม
กรมอุตุฯ เตือนปชช.พร้อมรับมือ อากาศหนาวเย็น อุณหภูมิลดฮวบ6-10 องศาเซลเซียส ช่วงวันที่ 3-10ธันวาคม ยอดดอยมีน้ำค้างแข็ง นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นสัมผัสอากาศหนาว ส่วนภาคใต้ “นราธิวาส-ยะลา”อ่วม ฝนถล่มหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ผู้คนเดือดร้อนจำนวนมาก ทางการเร่งช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงว่า ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคมไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2562 ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพและเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 8-10 องศาเซลเซียส บริเวณพื้นราบอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 1-9 องศาเซลเซียส สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลอุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ขอให้เตรียมพร้อมรับมือกับฝนตกหนัก คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง ตั้งแต่จังหวัดชุมพร ลงไปทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง.
ในขณะที่ สภาพอากาศในภาคเหนือ อุณหภูมิยังลดลงต่อเนื่อง โดยบริเวณกิ่วแม่ปาน บนดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อุณหภูมิแค่ 5 องศาเซลเซียส ทำให้ยังหนาวเย็นจัด และยังเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้ง ตามยอดหญ้า ส่วนนักท่องเที่ยวยังคงขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวแน่น บริเวณจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน รอชมพระอาทิตย์ตั้งแต่เช้ามืด แต่เช้ามีเมฆหมอกหนา ทำให้มองไม่เห็นพระอาทิตย์ เห็นแต่แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านเมฆหมอก ส่วนใหญ่ก็จะพากันถ่ายภาพของธรรมชาติเป็นที่ระลึก
ส่วนที่ จ.พะเยา ได้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก พากันเดินทางมาชมและสัมผัสบรรยากาศทะเลหมอก ที่บริเวณม่อนแสนสุข จุดที่สูงที่สุดในพื้นที่ ต.นาปรัง อ.ปง ซึ่งสามารถชมทะเลหมอกได้ถึง 360 องศา ในตอนเช้าชมแสงแรกของพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก มองไปที่ยอดดอยภูลังกา จะเห็นดอยผาช้างและผาวัวหันหน้าชนกัน ชมทิวทัศน์บนยอดดอยที่มีความสวยงาม โดยในช่วงนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าชมความงามของทะเลหมอกที่นี่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สภาพอากาศในพื้นที่พะเยา อุณหภูมิต่ำสุด 16 องศา
อีกด้านหนึ่งที่ จ.นราธิวาส ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา ส่งให้บ้านเรือนประชาชนและพืชผลทางการเกษตรเกิดความเสียหาย โดยที่วัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี ซึ่งเป็นพื้นที่สังคมพหุวัฒนธรรม ของศาสนาพุทธและอิสลาม น้ำได้ทะลักเข้าท่วมบริเวณวัด สูงประมาณ 50 เซนติเมตร ทำให้เครื่องใช้ภายในอาคารต่างๆ รวมทั้งที่พักชุดรักษาความปลอดภัยประจำวัด ได้รับความเสียหาย
ด้านพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธาร กล่าวว่า กระแสน้ำได้ไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็วและระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี กำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 และนายเพียร มโนภัคร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสุไหงปาดี ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือในการขนย้ายสิ่งของไปไว้บนที่สูง รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณด้านหน้าของวัด
ส่วนสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี ได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 6 ตำบล คือ ต.โต๊ะเด็ง ต.สากอ ต.ริโก๋ ต.สุไหงปาดี ต.กาวะ ต.ปะลุรู
ขณะที่พื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา โดยเฉพาะพื้นที่ติดริมแม่น้ำสายบุรี ซึ่งไหลมาจาก อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ผ่านพื้นที่ อ.รามัน ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ทำให้ในแม่น้ำสายบุรี เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากติดริมแม่น้ำสายบุรี โดยเฉพาะ ต.ตะโละหะลอ ต.อาซ่อง ต.ท่าธง ต.บาลอ อ.รามัน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึง เหตุอุทกภัยในพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 8,000 ครัวเรือน มีพื้นที่ประสบภัยใน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สุไหงโก-ลก อ.สุคิริน อ.สุไหงปาดี และ อ.ระแงะ จำนวน 20 ตำบล 99 หมู่บ้าน 14 เขตเทศบาล มีผู้ประสบภัย 20,792 คน 8,130 ครัวเรือน เส้นทางที่ได้รับผลกระทบจำนวน 8 เส้นทาง
โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ บูรณาการร่วมกับ หน่วยสนับสนุน อาทิ ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ ตำรวจทางหลวง กองบินตำรวจ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ให้เข้าการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยจัดชุดเฉพาะกิจเคลื่อนที่เร็ว พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน แบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบและมอบหมายภารกิจให้ชัดเจน วางแผนสับเปลี่ยนหมุนวียนกำลังพลให้เหมาะสมกับสถานการณ์ สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะและเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมทั้งให้สถานีตำรวจพื้นที่ประสบภัย จัดเตรียมสถานที่ เครื่องอุปโภค บริโภค ไว้รองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
พ.ต.อ.กฤษณะ. กล่าวอีกว่า หากมีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ ได้รับความเสียหาย ให้ผู้กำกับสถานีตำรวจในพื้นนั้น เปิดโรงพักให้ประชาชนเข้าพักอาศัย พร้อมบริการน้ำ อาหาร ยารักษาโรคและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ประกอบการ การเพิ่มกำลังสายตรวจทั้งทางบก และทางน้ำออกป้องกันเหตุ เพิ่มวงรอบในการตรวจตรา เพื่อป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาสซ้ำเติมประชนที่ได้รับความเดือดร้อน
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้เฝ้าระวัง ตรวจสอบ กรณีมีการกักตุนสินค้า เพื่อจำหน่ายในราคาที่สูงอันเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค พร้อมกันนี้ หากมีเหตุร้าย เหตุด่วน เหตุฉุกเฉิน สามารถ แจ้งสายด่วน 191 หรือ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) หมายเลข 1599 หรือสอบถามข้อมูลเส้นทางการจราจร หรือสามารถแจ้งอุบัติเหตุ ขอความช่วยเหลือรถเสีย ได้ที่ สายด่วน ตำรวจทางหลวง หมายเลข 1193 หรือผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่น Police I Lert u ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี