ช่วงเวลานี้สำหรับหน่วยราชการเป็นเวลาของการสาละวนกับการชี้แจงงบประมาณประจำปี2563 ต่อคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการต่างๆ ทั้งของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาควบคู่กันไป ซึ่งนับว่าเป็นภาวะไม่ปกติ เพราะปีงบประมาณของราชการไทยเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม และสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป สำหรับปีนี้หากวุฒิสภารอการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรให้แล้วเสร็จก็จะล่าช้าลงไปอีก ทางวุฒิสภาจึงตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาทำการศึกษางบประมาณควบคู่กันไป
สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์ที่งบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าสู่การพิจารณาของทั้งสองสภา การชี้แจงของแต่ละหน่วยงานใช้เวลาไม่เท่ากัน ขึ้นกับความสามารถในการชี้แจงและการทำความเข้าใจของหัวหน้าหน่วยงาน บางหน่วยงานอาจถูกใบสั่งก็ต้องอดทนและใช้เวลาทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย เข้าใจว่าทุกฝ่ายมีเจตนาดีในการใช้
งบประมาณของแผ่นดิน
หากพิจารณารายละเอียดงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว จะพบว่าปีนี้ได้งบประมาณเพิ่มขึ้น รวมทั้งสิ้น 109,833.6549 ล้านบาท และเมื่อเจาะลึกไปในรายละเอียด เงินจำนวนนี้เป็นค่าใช้จ่ายประจำประมาณ 38% ส่วนที่เหลือ 62% เป็นงบดำเนินการและงบลงทุน ส่วนนี้เป็นงบประมาณที่ใช้ในการพัฒนาด้านการเกษตรจริงๆ ซึ่งจากการประเมินรายละเอียดตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณจะพบว่าจากแผนงานรวม 21 แผนงาน แผนงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ แผนบูรณาการการบริหารทรัพยากรน้ำ คิดเป็น 37.75% แผนงานยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนด้านการสร้างการเจริญเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คิดเป็น 9.5% แผนงานบูรณาการพื้นที่ระดับภาค คิดเป็น 7.42% แผนงานยุทธศาสตร์เพื่อสร้างมูลค่า คิดเป็น 6.37% และแผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน 5.44%
จากการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว จะเห็นว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังทุ่มเทงบประมาณไปยังการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งสูงถึงเกือบครึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2563ส่วนที่เหลือจัดสรรไปยังยุทธศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งบางประเด็นแทบจะไม่เห็นปรากฏในการจัดสรรงบประมาณปีนี้เลย เช่น การจัดสรรงบประมาณให้กับประเด็นยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 5 ประเด็น ถือว่ายังไม่มีความชัดเจนเท่าใดนัก และเมื่อพิจารณาประเด็นด้านเกษตรสร้างมูลค่า พบว่า การสร้างและการใช้ประโยชน์จากเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ไม่ปรากฏงบประมาณในการดำเนินการเป็นการเฉพาะ แต่ปรากฏไปแทรกอยู่จางๆ ในส่วนของการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ การพัฒนากลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เท่านั้น ในส่วนของประเด็นเกษตรปลอดภัย งบประมาณไปปรากฏในงานส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐานและปลอดภัย การส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ การรับรองมาตรฐานความปลอดภัยพืช สัตว์ ประมง ไม่ได้ถูกหยิบยกออกมาให้เป็นงานเด่นแต่อย่างไร หรือแม้แต่ประเด็นเกษตรชีวภาพกลับพบว่าไม่ปรากฏการจัดสรรงบประมาณโดยตรง แต่เป็นการจัดสรรตามกรอบเดิมของกระทรวง เช่น การส่งเสริมพืชสมุนไพร แผนพัฒนาวิสาหกิจชุมชนจากฐานชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นแทนหรือแม้แต่ประเด็นเรื่องเกษตรแปรรูปก็ยังเป็นประเด็นที่ซ่อนอยู่ในงานปกติของกรม/กองต่างๆ และเมื่อมองไปที่ประเด็นเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งเป็นประเด็นที่ดูเหมือนจะเป็นงานใหม่ที่ทุกหน่วยงานพยายามยกตัวเองเข้าไปอยู่ในขอบข่ายอัจฉริยะ ก็ไม่มีการจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจน แต่กลับเป็นการเพิ่มเติมเนื้อหาของความเป็นอัจฉริยะเข้าไปในงานเดิมๆ ไม่มีกรมไหนฉีกงานอัจฉริยะออกมาให้เห็นภาพชัดๆ แต่อย่างใด
เงิน 1 แสนล้าน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปีงบประมาณนี้ ยังคงเป็นการจัดสรรงบประมาณตามบทบาทหน้าที่ของกรม/กองแบบเดิมๆ ไม่ได้วางทิศทางตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศแต่อย่างใด หากแต่เป็นการรวบงานเดิมๆ มาแต่งหน้าทาปากนิดหน่อย แล้วนำไปวางว่าเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ บางประเด็นที่สำคัญต่อการพัฒนาการเกษตรของชาติ เช่น งานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่าง พบว่ามีการจัดสรรงบประมาณไม่ถึง 1% ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งโดยหลักการจัดสรรงบประมาณด้านนี้ไม่ควรต่ำกว่า 3% แสดงให้เห็นว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ เท่าที่ควร เราจะคาดหวังกับการพัฒนาไปสู่เกษตร 4.0 หรือ 5.0 เป็นเกษตรอัจฉริยะได้อย่างไร เมื่องานกับเงินไม่ได้รองรับ เส้นทางสู่วิสัยทัศน์ประเทศไทย 4.0 ไม่ได้เกิดขึ้นจากการพูดเท่านั้น ต้องลงมือทำด้วยกันทุกฝ่ายหรือจะสร้างวาทกรรมกันไปวันๆก็ว่าไป
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี