ปีนี้นับว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่อากาศหนาวได้มาเยือนกรุงเทพฯ นานกว่าทุกปีชาวเมืองหลวงได้มีโอกาสสัมผัสอากาศหนาวบ้าง นับว่าเป็นอีกช่วงเวลาที่หลายๆ คนชอบ ถึงกลับออกปากว่าอยากให้กรุงเทพฯมีอากาศแบบนี้ไปนานๆ
ปกติเมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคม เป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว และเพาะปลูกพืชหลังนากัน วันก่อนผมเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดหนองคาย ผ่านท้องนาหลายแห่งตอนนี้เหลือแต่ตอซัง และเริ่มเห็นฟางอัดเป็นก้อนๆ วางเรียงราย แทนกองฟางแบบเก่า เมื่อลงไปหมู่บ้านก็พบแต่เกษตรกรสูงอายุเป็นส่วนใหญ่ น้อยรายนักที่จะมีเกษตรกรรุ่นใหม่อยู่ทำการเกษตรในท้องถิ่น ส่วนใหญ่จะหนีเข้าไปทำงานในเขตเมืองมากกว่าทำการเกษตรกัน
ในจำนวนเกษตรกรสูงอายุ ผมได้มีโอกาสไปทานอาหารในร้านอาหารพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในแปลงเกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่นาเป็นบ่อปลาขนาดใหญ่เหลือพื้นที่ไว้สำหรับปลูกพืขและที่อยู่อาศัยบางส่วน วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการปรุงอาหารจะเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นหลัก และส่วนใหญ่จะนำมาจากผลผลิตรอบๆบ้าน ทำกันเองในลักษณะธุรกิจในครัวเรือน มีตา-ยายเป็นเจ้าของกิจการ ลูกค้าร้านแห่งนี้จะต้องโทร.มาแจ้งล่วงหน้า เพื่อให้ทางร้านเตรียมอาหารไว้รอและรายการอาหารอาจไม่มีครบทุกอย่างตามที่ต้องการ ขึ้นกับวัตถุดิบที่มี นับว่าเป็นวิถีของการทำการเกษตรที่สร้างอัตลักษณ์ให้กับตนเอง และไม่จำเป็นจะต้องไปแข่งขันกับใคร
สำหรับการเลี้ยงปลาในบ่อเป็นปลาหลายชนิด โดยมีการปลูกมะขามเปรี้ยวฝักยักษ์ไว้รอบคันบ่อ เห็นว่าได้ราคาดี มีแม่ค้ามารับซื้อถึงบ้านเพื่อนำไปทำมะขามแช่อิ่ม และบางโอกาสถ้ามะขามให้ผลผลิตเยอะมากก็จะทำมะขามแช่อิ่มขายเองด้วย ส่วนปลาในบ่อจะมีแม่ค้าโทร.มาสั่งว่าต้องการเท่าไหร่ จึงจะลงดักปลาขึ้นมาจำหน่ายตามจำนวนที่ต้องการ เรียกได้ว่าทำให้ตลาดเข้ามาหาตัวเอง โดยไม่ต้องออกไปตระเวนขายข้างนอก สามารถใช้ชีวิตอิสระได้ไม่เดือดร้อนอันใด จึงเป็นวิธีคิดของการทำการเกษตรของเกษตรกรสูงวัยที่น่าสนใจมาก
ก่อนที่จะปรับพื้นที่มาเป็นเช่นนี้เดิมทีต้องไปเช่าที่ขายอาหารด้านนอกติดกับถนนใหญ่ และพื้นที่ยังเป็นแปลงนาอยู่ แต่เมื่อทำไปเริ่มไม่คุ้มทุน จึงปรับพื้นที่นาเป็นบ่อปลาและเหลือพื้นที่ไว้ปลูกพืชและสร้างที่อยู่อาศัยบางส่วน จากนั้นจึงย้ายร้านอาหารมาตั้งในพื้นที่ของตนเองแทน เป็นการลดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนในการทำร้านอาหารลงไปได้มาก รวมทั้งมีเวลาในการดูแลบ่อปลาได้มากขึ้น ส่วนลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำและใช้การบอกปากต่อปากแทน โดยจะรับลูกค้าไม่ให้มากเกินไป กะประมาณให้พอกับกำลังและวัตถุดิบที่มีในแต่ละวัน เป็นการทำการเกษตรที่ครบวงจรตั้งแต่การผลิต การจำหน่าย และการตลาด โดยไม่ได้หว้งว่าจะต้องร่ำรวยขึ้นมาทันทีทันใด แต่รับรองได้ว่าอยู่ได้อย่างสบายๆ แน่นอน
แนวคิดของการทำการเกษตรโดยดึงตลาดเข้ามาเป็นแนวคิดที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับการทำการเกษตรในยุคปัจจุบันที่ผลิตในลักษณะเอกลักษณ์เฉพาะตน ซึ่งผู้ที่จะทำการเกษตรในรูปแบบนี้ต้องสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ของตนเอง สร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น ไม่ใช่การผลิตในลักษณะเดิมๆ อีกต่อไป เพราะการผลิตในลักษณะเดิมๆ ผู้บริโภคสามารถหาจากที่ไหนก็ได้ แต่การผลิตและการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเองให้แตกต่างจากแหล่งอื่น เป็นประเด็นที่ต้องสร้างและทำความเข้าใจ หากสามารถทำได้ เชื่อได้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรอิสระได้อย่างแท้จริง
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี