เลขาฯ ศาลยุติธรรม เผยปี 62 ตำรวจศาลผลงานเยี่ยมตามจับผู้หนีหมายศาล 61 หมาย อายัดตัว 14 หมาย เดือนเมษายนปีหน้าเพิ่ม 309 คน กระจายกว่า 200 ศาลทั่วประเทศ ย้ำความปลอดภัยในศาลต้องเข้มงวดกวดขันสม่ำเสมอ
29 ธันวาคม 2562 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจศาล (คอร์ทมาแชล Court Marshal) หรือตำรวจศาล รุ่นแรก รวม 35 คน ที่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ว่า ภารกิจหลักๆของตำรวจศาล จะมี 2 ส่วน คือ นอกจากจะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลแล้ว ก็ต้องดำเนินการจับกุมตามหมายจับของศาล
สำหรับการกวดขันดูแลความเรียบร้อยและมาตรฐานความปลอดภัยบริเวณศาลนั้น จากที่ตนออกมาตรการเร่งรัด และกวดขัน กำชับการตรวจค้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยบริเวณศาล ซึ่งเดิมมีแต่ รปภ.ที่จ้างมาจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ (อผศ.) ขณะนี้คอร์ทมาแชล มาร่วมดูแลความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยสิ่งแรกที่สุดตนสั่งการให้เจ้าพนักงานตำรวจศาลที่มีขณะนี้ทั้งหมด 35 คน ลงพื้นที่ศาลแต่ละแห่งทำการรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน เช่น อาคาร สถานที่ โดยคอร์ทมาแชล 1 คน ตอนนี้จะรวบรวมข้อมูลศาล 5 หรือ 7 หรือ 10 แห่ง หากเกิดเหตุในศาลใดจะต้องรายงานได้ทันทีว่ามีปัญหาเกิดจากอะไร และระบบรักษาความปลอดภัย เครื่องมือมีพอหรือไม่ มีการกระทำใดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายใดหละหลวมหรือไม่ จากที่ตนได้ออกหนังสือเวียนแผนฉุกเฉินปี 2562 มาแล้ว 2 ครั้ง เกี่ยวกับการปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยที่ประกาศเป็นเหมือนคู่มือ
ส่วนเรื่องที่มีผู้หลบหนีหมายจับของศาล มีสถิติที่คอร์ทมาแชลได้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามจับกุม ผู้หลบหนีหมายของศาล ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม-30 พฤศจิกายน 2562 โดยแจ้งดำเนินการจับกุมตัว แจ้งอายัดตัว เพิกถอนหมายจับ 136 หมาย โดยจับกุมตัวได้ 61 หมาย , แจ้งอายัดตัว 14 หมาย , เพิกถอนหมายจับ 61 หมาย จำแนกได้ ดังนี้ เดือนสิงหาคม สามารถจับกุมตัวได้ 21 หมาย แจ้งอายัดตัว 8 หมาย ขอเพิกถอนหมายจับ 24 หมาย , เดือนกันยายน จับกุมได้ 8 หมาย แจ้งอายัดตัว 3 หมาย ขอเพิกถอนหมายจับ 13 หมาย , เดือนตุลาคม จับกุม 23 หมาย ขอเพิกถอนหมายจับ 20 หมาย , เดือนพฤศจิกายน จับกุม 9 หมาย แจ้งอายัดตัว 3 หมาย ขอเพิกถอนหมายจับ 4 หมาย
ขณะที่การติดตามจับกุมผู้หนีหมาย ตนให้นโยบายกับคอร์ทมาแชล ว่า จากเดิมที่ไม่เคยมีเจ้าภาพจากศาลในการจับกุมตัว ซึ่งจะเป็นความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบันที่มีกฎหมายรองรับให้คอร์ทมาแชลดำเนินการได้ ดังนั้นคอร์ทมาแชลที่แบ่งเป็น 5-6 ทีม แต่ละทีมต้องประชุมปรึกษาหารือกัน และมีคณะกรรมการกำกับการบริหารเจ้าพนักงานตำรวจศาล ประกอบด้วย ผู้พิพากษาในสำนักงานศาลยุติธรรม , ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานศาลฯ , นายเหรียญทอง เพ็งพา ผอ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย ส่วนเจ้าพนักงานตำรวจศาล สำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมกำกับดูแลนำหมายจับทั้งหมดของศาลมาวิเคราะห์ว่าส่วนไหนมีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถจับกุมตัว แล้วทำให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้รับรายงานทุกวันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้ ขณะที่เรามีตัวชี้วัดการติดตามจับกุมตามหมายศาลของทีมคอร์ทมาแชล 5-6 ทีม ซึ่งแต่ละทีมต้องไปบูรณาการการทำหน้าที่ในส่วนนี้ด้วย
ขณะเดียวกันเรามีคณะกรรมการกำกับการบริหารเจ้าพนักงานตำรวจศาล และคณะอนุกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (อ.ก.ศ.) เกี่ยวกับการติดตามประเมินระบบของเจ้าพนักงานตำรวจศาล ที่มี พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา อดีตรอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ศ. เป็นประธานกรรมการนั้น พิจารณาประเมินคอร์ทมาแชลด้วยว่าจะพัฒนาระบบทำงานอย่างไร โดยเหตุที่เรานำบุคคลภายนอกเข้ามาเพื่อให้มีมุมมองที่แตกต่างและประเมินประสิทธิภาพดูว่ามีสิ่งใดต้องปรับปรุงแก้ไข ตรงไหนบ้างเพื่อให้ระบบเจ้าพนักงานตำรวจศาลของเรามีมาตรฐานที่ดีขึ้น
นายสราวุธ กล่าวถึงอัตรากำลังคอร์ทมาแชลที่จะต้องปรับเพิ่ม ว่า ภายในเดือนเมษายน 2563 จะจัดให้มีอัตรากำลังคอร์ทมาแชล เพิ่มจาก 35 คนให้เป็น 309 คน จากแผนเดิมตั้งเป้าดำเนินให้ได้ภายใน 5 ปี หลังจากที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ.) และประธานศาลฎีกาแล้ว ซึ่งจะได้นำมาจัดสรรไปประจำศาลในพื้นที่ กทม. , ศาลจังหวัด , ศาลแขวง , ศาลเยาวชนและครอบครัว , ศาลแรงงานภาค , ศาลอาญาคดีทุจริตภาค ทั่วประเทศ 280 แห่งๆ ละ 1-2 คน หลังจากที่มีการฝึกอบรมคอร์ทมาแชลแล้วคาดว่าภายใน 3 เดือนหลังจากนั้นจะกระจายส่งไปยังศาลต่างๆได้ ซึ่งจะเป็นเหมือนกันมีตัวแทนส่วนกลางไปดูระบบมาตรฐานความปลอดภัย กำกับ ติดตาม จับกุมตัวผู้หลบหนีหมายศาลจากเดิมที่ไม่เคยมีคอร์ทมาแชลดูแลเลย
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังตอบคำถามถึงการประเมินผลวางมาตรการความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้นหลังจากเกิดเหตุทำร้ายยิงกันในศาล ที่มาตรการบางข้ออาจกระทบเรื่องสิทธิการเยี่ยมผู้ต้องหา/จำเลย ขณะควบคุมตัวในห้องขังศาล มีผู้เสนอแนะข้อที่อยากให้ปรับทบทวนมาตรการใดบ้างหรือไม่ อย่างไร ว่า ที่ผ่านมาก็มีข้อเสนอแนะจากภายนอกเข้ามาแต่ก็มีจำนวนไม่มาก โดยสิ่งที่เราดำเนินการปรับปรุงและให้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาก็เกิดจากที่เราตั้งคำถามว่าเราจะทำอย่างไรที่ให้ระบบดีขึ้น ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นในศาลจังหวัดยะลา ผู้พิพากษายิงตัวเองในห้องพิจารณา , ศาลจังหวัดจันทบุรี จำเลยยิงทนายความในห้องพิจารณาคดี , ศาลจังหวัดพัทยา จำเลยที่ถูกคุมขังใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในศาลเพื่อหลบหนีจากห้องคุมขัง เป็นโจทย์ว่าเราจะมีวิธีการป้องกันแก้ไขความรุนแรงอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต เราก็ช่วยกันคิดโดยตนพยายามกระตุ้นให้มีระบบบริหารจัดการที่ดีขึ้นโดยเฉพาะระบบข้อมูลในแต่ละศาล และประสิทธิภาพในการมีระเบียบวินัย รวมทั้งเรื่องบุคลากร
“เรื่องความปลอดภัย ต้องมีความเข้มงวดสม่ำเสมอ เพราะถ้าหย่อนยานเมื่อใดความเสียหายก็จะเกิดขึ้น เราต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก เมื่อเหตุเกิดที่เราก็จะตรวจตราด้วยการสุ่มตรวจ เราจะไม่บอกล่วงหน้าว่าจะเข้าไปตรวจเมื่อใดศาลไหน เพื่อจะดูว่าศาลนั้นๆ มีมาตรฐานหรือปล่อยปละละเลย ไม่กวดขันหรือไม่ เพราะจะกลายเป็นความเสี่ยงขององค์กรที่เกิดเหตุร้ายขึ้นมาได้” เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าว
เลขาธิการศาลยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของความเสี่ยงที่เกิดจากการบริหารงานนั้นก็มีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของศาลที่มีตนเป็นประธานดูทั้งหมดทั่วประเทศเพื่อป้องกันการกระทบภาพลักษณ์องค์กรได้
ส่วนเรื่องของการให้ญาติ นำอาหารหรือของเยี่ยมผู้ต้องหาหรือจำเลยผ่านทางเรือนจำเท่านั้นไม่ให้ผ่านทางศาล จริงๆ แล้วโดยหลักการเรื่องความปลอดภัยของสถานที่เยี่ยมเขาก็ไม่ให้เยี่ยมในศาล ซึ่งระบบการเยี่ยมผู้ต้องหา/จำเลย หรือผู้ต้องขังต้องไปเยี่ยมที่เรือนจำเพราะจะมีมาตรการกำกับดูแล เช่น การห้ามนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าไป ดังนั้นในเรื่องความปลอดภัยของสังคมกับเรื่องสิทธิต้องสร้างสมดุลให้พอดี ซึ่งเราไม่ได้ตัดสิทธิในการเยี่ยม แต่ช่องทางในการเยี่ยมต้องมีการดูแลในระบบที่ปลอดภัยด้วย โดยเวลาผู้ต้องหา จำเลยมาศาล หากไม่เข้มงวดก็อาจจะมีผลตามมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี