‘ม่อนแจ่ม’เละ! ป่าไม้แฉทุนต่างชาติรุกป่าผุดรีสอร์ต รื้อเจอหมกเม็ดอื้อ ประกาศกวาดล้างสิ้น
29 ธันวาคม 2562 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ศูนย์ปฎิบัติการพิทักษ์ป่า(ศปก.พป) ม่อนแจ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขยายผลตรวจสอบ พบว่า มีรีสอร์ต 2 แห่งครอบครองโดยกลุ่มทุนชาวชาวต่างชาติ โดยได้ทำเกินพื้นที่จากเอกสารสิทธิ์ที่ดิน 3-2-45 ไร่ เข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดีทันที อีกแห่งมีรายงานทางลับว่าเจ้าของกิจการเป็นชาวต่างชาติ ลงทุนร่วมกับบุคคลจากกรุงเทพฯ โดยรีสอร์ตทั้ง 2 แห่งเป็นรีสอร์ตขนาดใหญ่ คณะเจ้าหน้าที่จึงจะขยายผลตรวจสอบเพื่อทำบันทึกและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเร็วที่สุด
นอกจากนี้ จากการประชุมร่วมผู้ประกอบการที่ครอบครองทำประโยชน์ทั้งหมดในที่ดินป่าไม้ของกรมป่าไม้ รวมเนื้อที่ประมาณ 229ไร่ ที่โครงการหลวงหนองหอย ต.โป่งแยง วานนี้ (28 ธันวาคม 2562) พบว่า ผู้ที่ครอบครองที่อยู่ในแปลงจัดสรรที่ดินตามโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าของกรมป่าไม้ มี 53 ราย รวมเนื้อที่ 229ไร่ โดยตรวจสอบปรากฏว่า มีสิทธิ์อยู่ทำกิน 38 ราย ส่วนอีก 12 ราย มีสิทธิอยู่อาศัยทำกิน แต่ทำเกินพื้นที่ และมี 3 รายที่เปลี่ยนมือผู้ครอบครองทำประโยชน์เป็นบุคคลจากท้องที่อื่น ไม่มีรายชื่อในโครงการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีแล้ว ได้แก่ ม่อนแสนสิริจันทรา , ม่อนดอยลอยฟ้า และบ้านท่าจันทร์ รวมเนื้อที่ 8 ไร่เศษ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจให้ผู้ครอบครองแปลงที่ดินทราบวัตถุประสงค์ของปฏิบัติการจัดระเบียบและชี้แจงแนวทางปฏิบัติตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้พิจารณาการดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บนพื้นฐานของหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป เพื่อการบริหารจัดการที่ดินป่าไม้อย่างยั่งยืน ซึ่งชี้แจงแก่ผู้ครอบครองที่ดินว่าห้ามก่อสร้างเพิ่มเติมโดยเด็ดขาด หากมีการก่อสร้างใหม่จะจับกุมและดำเนินคดี และหมดสิทธิ์ในที่ดินที่ทางรัฐจะจัดสรรให้ทำกิน โดยจัดทำป้ายติดประกาศให้ผู้ครอบครองทำประโยชน์ที่ดินแต่ละรายทราบ จะคัดกรองบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติในแปลงที่ดิน 50 กว่าราย เช่น คนจากต่างถิ่น นายทุน ซึ่งจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ดำเนินคดีไปแล้ว 4 ราย จะคัดกรองต่อไปให้ถึงที่สุด โดยจะดำเนินคดีทุกรายที่ตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติรายอื่นที่เข้ามาครอบครองทำประโยชน์ที่ดินในเขตดอยม่อนแจ่ม
สำหรับกลุ่มประชาชนที่ทำกินด้านการเกษตรและให้บริการด้านท่องเที่ยวทั้ง 50 แปลง ถ้ตรวจสอบพบว่าก่อสร้างออกนอกแปลงออกไปให้รื้อถอนออกไปภายใน 15 วัน หลังจากเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบ ซึ่งผู้ครอบครองแปลงที่ดินที่เข้าร่วมประชุมเข้าใจเป็นอย่างดี พร้อมจะปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่เสนอที่ประชุมให้ตั้งจุดตรวจสอบ การขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเข้าพื้นที่ เพื่อควบคุมการก่อสร้างเพิ่มเติม โดยจะตั้งจุดตรวจสอบที่บริเวณหน้าโครงการหลวงหนองหอย รวมทั้งเสนอให้มีการย้ายจุดที่ทิ้งขยะที่มีปัญหาไปที่ใหม่ แล้วจะขออนุญาตใช้พื้นที่ให้ถูกต้องตามระเบียบต่อไป สำหรับที่ทิ้งขยะเดิมทางชุมชนจะฝังกลบเพื่อสงวนรักษาพื้นที่ต้นน้ำชั้น 1 A
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า รีสอร์ตขนาดใหญ่ที่มีสิ่งก่อสร้างถาวรจำนวนมาก แจ้งว่า มีเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งไม่ได้อยู่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ทาง ศปก.พป. จะเร่งตรวจสอบความถูกต้องต่อไป จากการขยายผล
คาดว่ามีรีสอร์ตที่ไม่เข้าแสดงตัวอีกหลายราย เบื้องต้นตรวจสอบพบแล้ว 2 ราย และพบลานกางเต็นท์เพิ่มเติมอีก 8 ราย
“ผลการตรวจสอบล่าสุดพบรีสอร์ตและลานกางเต็นท์ รวม 63 ราย ยังมีผู้ที่ไม่ยอมมาแสดงตัวอีกหลายรายที่ต้องขยายผลตามแผนงานต่อไป จากประเมินสถานการณ์ในการจัดระเบียบม่อนแจ่มครั้งนี้ ยังไม่พบการต่อต้านหรือการสร้างความรุนแรงใดๆจากชาวม้งในพื้นที่และกลุ่มเสียผลประโยชน์ คาดว่าภายในเดือนมกราคมจะได้รายละเอียดสถานภาพการครอบครองพื้นที่การประกอบการรีสอร์ตหรือที่พักครบถ้วนทุกรายก่อนหน้านี้ว่าใครเป็นผู้ครอบครองเดิมและใครบุกรุกใหม่หรือเปลี่ยนมือมา ซึ่งกรมป่าไม้จะดำเนินคดีผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อตกลงอย่างถึงที่สุด” นายอรรถพล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี