กปน.รายงานคุณภาพน้ำประปารายวัน พบค่าคลอไรด์เกินเกณฑ์ 11 สถานีจ่ายน้ำ ทำให้น้ำมีรสเค็มสั่งเจ้าหน้าที่แต่ละสถานีฯตรวจสอบใกล้ชิด ช่วงทะเลหนุนสูง 13-14 มกราคม แนะปชช.ตรวจสอบคุณภาพน้ำประปา ก่อนสำรองไว้อุปโภค-บริโภค เตือนกลุ่มเสี่ยง เลี่ยงบริโภคน้ำกร่อย หวั่นกระทบสุขภาพ ด้านส.ส.พปชร.ภาคตะวันตก หารือเลขาฯพรรค หาแนวทางแก้ภัยแล้ง ชงแก้ปัญหายั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์น้ำประปาประจำวันที่ 12 มกราคม จากการคาดการณ์คุณภาพน้ำประปารายชั่วโมง มีค่าคลอไรด์เกินเกณฑ์ (ค่าคลอไรด์มากกว่า 250 มิลลิกรัม/ลิตร จะส่งผลต่อการรับรู้รสชาติ ตามเกณฑ์แนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO Guideline for Drinking Water 2017) 11 สถานีจ่ายน้ำ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ดังนี้

สถานีจ่ายน้ำบางเขน (สาขาบางเขน ประชาชื่น นนทบุรี) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 07:00 น. - 15:00 น. สถานีจ่ายน้ำลุมพินี (สาขาทุ่งมหาเมฆ แม้นศรี) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 13:00 น. - 21:00 น. สถานีจ่ายน้ำสำโรง (สาขาสมุทรปราการ พระโขนง) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 13:00 น. - 21:00 น. สถานีจ่ายน้ำพลโยธิน (สาขาพญาไท ลาดพร้าว) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 09:00 น. - 17:00 น.

สถานีจ่ายน้ำลาดพร้าว (สาขาลาดพร้าว มีนบุรี บางเขน สุขุมวิท) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 11:00 น. - 19:00 น. สถานีจ่ายน้ำคลองเตย (สาขาสุขุมวิท พระโขนง) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 12:00 น. - 20:00 น. สถานีจ่ายน้ำมีนบุรี (สาขามีนบุรี ลาดพร้าว) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 16:00 น. - 23:00 น. สถานีจ่ายน้ำลาดกระบัง (สาขาสุวรรณภูมิ พระโขนง สุขุมวิท) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 17:00 น. - 00.00 น. สถานีจ่ายน้ำบางพลี (สาขาสมุทรปราการ สุวรรณภูมิ) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 19:00 น. - 02:00 น. โรงงานผลิตน้ำสามเสน (สาขาแม้นศรี) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 09:00 น. - 17:00 น. โรงงานผลิตน้ำธนบุรี (สาขาบางกอกน้อย) ค่าคลอไรด์เกิน 250 มก./ล. เวลา 03:00 น. - 11:00 น

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของการประปายังระบุด้วยว่า ประชาชนควรตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่ของตนในแต่ละช่วงเวลา การดูกราฟในภาพรวม เป็นคุณภาพน้ำรายชั่วโมง ช่วงใดที่แถบสีเป็นสีเขียวหรือฟ้า สามารถรองน้ำสำรองไว้ดื่มได้ หรือหากไม่มั่นใจลองชิมน้ำเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ารสชาติปกติ ให้ประชาชนสำรองเก็บไว้บริโภคได้ หากช่วงเวลาใดกราฟเป็นสีแดง แนะนำให้หลีกเลี่ยงบริโภคโดยตรง เพราะจะมีผลต่อความรู้สึกรับรส แต่ใช้ได้ตามปกติในการนำมาประกอบอาหาร แนะนำกลุ่มเสี่ยง (เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย) ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำในช่วงกราฟแสดงเป็นสีแดง

นายรักษศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการประปานครหลวง ฝ่ายผลิตและส่งน้ำเปิดเผบงาส ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบค่าคลอไรด์มีค่าเกินมาตรฐานหลายสถานนี จึงอยากให้ประชาชนตรวจสอบคุณภาพในพื้นที่ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และช่วงวันที่ 13-14 มกราคม และวันที่ 26-27 มกราคม มีสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง กปน. จะบริหารการสูบน้ำ โดยลดสูบน้ำในช่วงที่ค่าความเค็มเกินมาตรฐานจากแม่น้ำลง

“จึงรับรองได้ว่าค่าความเค็มจะไม่สูงไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องด้วยความร่วมมือของกรมชลประทานและกปน.ดำเนินการตัดค่าความเค็มให้ได้ระดับที่ต่ำที่สุด ตั้งแต่วันที่ 9 – 12 มกราคม ดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนรับผลกระทบน้อยที่สุด”นายรักษศักดิ์กล่าว

วันเดียวกัน ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐหารือร่วมกับกลุ่มส.ส.ภาคตะวันตก นำโดย พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี รวมถึงน.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมหารือแนวทางพัฒนาความเจริญในพื้นที่ รวมถึงการแก้ปัญหาภัยแล้ง

หลังหารือนายสนธิรัตน์ แถลงผลประชุมร่วมกับส.ส.ภาคตะวันตกว่า ได้หารือแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยจะนำน้ำจากภาคตะวันตกมาช่วยวิกฤตภัยแล้ง และผลักดันน้ำเค็ม เนื่องจากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณไม่เพียงพอ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหา แต่ปัญหาประเทศซับซ้อน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีจุดอ่อนขาดการยึดโยงกับประชาชนที่ไม่มีระบบสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจะนำข้อมูลจากประชาชนผ่านส.ส.มาเสนอรัฐบาล

ด้านพล.อ.สมชาย ส.ส.กาญจนบุรีกล่าวว่า วิกฤตภัยแล้งที่ต้องการปริมาณน้ำกว่า 3 หมื่นล้านลูกบากศ์เมตร พื้นที่ภาคตะวันตกสามารถสนับสนุนน้ำมาใช้ได้กว่า ร้อยละ50 จากเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ์ และเขื่อนแม่กลอง คาดว่าจะปริมาณน้ำจะเพียงพอจนหมดฤดูแล้งนี้ พร้อมยืนยันว่าชาว จ.กาญจนบุรีและจ.ราชบุรี พร้อมเสียสละนำน้ำในพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเรื่องการขาดแคลนน้ำจืด เบื้องต้นรัฐบาลได้ผันน้ำจากภาคตะวันตกอยู่แล้ว และพร้อมเปิดพื้นที่ให้รัฐบาลนำน้ำไปใช้เพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่แล้วหรือไม่ พล.อ.สมชาย ย้ำว่า ขณะนี้น้ำจากเขื่อนภาคตะวันตกอยู่ในเกณฑ์สมดุลอยู่ปีละ 1.1หมื่นล้านลูกบากศ์เมตร และมีเหลือบ้าง จึงนำส่วนที่เหลือไปผันน้ำได้เพิ่มเติม ทั้งนี้ เกษตรกรภาคตะวันจะได้รับสิทธิ์เท่ากับเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งภาคอื่น และจะเพิ่มระบบส่งน้ำรูปแบบชลประทานในพื้นที่เพิ่มขึ้นด้วย

น.ส.วทันยา กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคพลังประชารัฐจะหยิบยกปัญหาภัยแล้งให้วาระอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แก้ปัญหาแบบปีต่อปี เพราะปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น ส.ส.ทุกภาคและผู้บริหารพรรคจะประสานรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาบริหารจัดการน้ำแบบระยะยาว