'สภาผู้บริโภค'วอน'กรมโยธาฯ'ไม่แก้ไข พ.ร.บ.ควบ คุมอาคาร ฉบับที่ 33 ชี้ส่งผลให้ผุดอาคารสูงในซอยแคบมากขึ้น หวั่นมุบมิบแก้"นิยามเขตทางพื้นผิวจารจรไม่ถึง 6 เมตร" กระทบรถดับเพลิงเข้าช่วยยาก ไม่ปลอดภัยต่อชุมชน
นายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย กล่าวถึงกรณีกรมโยธาธิการและผังเมืองจะแก้ไขกฎกระทรวง ใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ซึ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับแก้ไข ว่าจะสร้างผลกระทบกับผู้บริโภค ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนัก เนื่องจากระบบการก่อสร้างอาคารของทั้งประเทศรวมถึงตึกที่ถล่ม ก็มีปัญหามาตร ฐานการก่อสร้าง ซึ่งมีองค์ประกอบ ขั้นตอนการขออนุญาต การมีส่วนร่วมของประชาชน การก่อสร้างไม่ตรงแบบ การตีความกฎหมาย การเลี่ยงกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย สำหรับความความเดือดร้อนหลักๆ ของชาวบ้าน คือ เรื่องเขตทาง มีความพยายามมุบมิบแก้ไขกฎหมาย ลดช่องว่างการตีความโดยมีเจตนาเอื้อต่อใคร มีการสร้างอาคารสูงไม่สัมพันธ์กับความกว้างถนนที่กำหนดไว้ต้องมีขนาด 6 เมตร แต่อาคารสร้างไม่ตรงปก ทั้งๆที่กฎหมายกำหนดเพื่อป้องกันอัคคีภัย ปรากฏว่าแบบขออนุญาตกับแบบเพื่อนำไปขายไม่ตรงกัน ซึ่งผิดกฎหมาย
“มีปัญหาในขั้นตอนการขออนุญาตจะพยายามทำให้มีความรวดเร็ว โดยกลุ่มทุนได้รับความรวดเร็ว พร้อมความหละหลวมและทุจริต ขณะภาคประชาชนเดือดร้อนมีอาคารขนาดใหญ่แทรกเข้ามาในชุมชนอย่างประหลาด แม้จะเป็นชุมชนที่มีถนนเล็กและแออัด เมื่อสร้างแล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะถูกทุบ เวลาเกิดเพลิงไหม้ชาวบ้านได้รับผลกระทบไปด้วย มีผลต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนอย่างชัดเจน เวลาอนุมัติแล้วประชาชนได้รับผลกระทบ ต้องรับฟังประชาชนคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริงไม่ใช่เพื่อประโยชน์คนบางกลุ่ม เนื่องจากถนนกว้าง 6 เมตรสัมพันธ์กับรถดับเพลิงที่จะสามารถเข้าไปทำงานได้ จุดรวมพลบางครั้งถูกนำไปทำสระว่ายน้ำ ในเมื่อมีการร่างกฎหมายโดยประชาชนไม่มีส่วนร่วม ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่สัมพันธ์กับความต้องการประชาชน”
นายก้องศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ภาคธุรกิจห่วงความล่าช้าเพราะมีคนรออยู่ แต่ภาคประชาชนห่วงใยความ ถี่ถ้วนละเอียดรอบคอบและความเห็นประชาชนไม่ใช่เพียงร่างที่รัฐทำขึ้นมา ควรนำมาให้ประชาชนได้ดู ไม่เช่นนั้นประชาชนจะได้รับผลเสีย จึงไม่เห็นด้วยหากมีการแก้ไขเพื่อเอื้อให้นายทุนสร้างอาคารในพื้นที่แคบๆได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าการก่อสร้างโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยภายในอาคาร และบริเวณโดยรอบอาคาร เช่น การก่อสร้างโดยเลี่ยงกฎหมายบางข้อ อาทิ การไม่ก่อสร้างถนน 6 เมตรรอบอาคารโดยปราศจากสิ่งปก คลุม ดังนั้น การแก้กฎกระทรวง ฉบับที่ 33 จะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าระงับเหตุอัคคีภัย เอื้อประโยชน์ต่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในการก่อสร้างอาคารบริเวณพื้นที่ชุมชน เป็นการแก้ไขกฎหมายโดยขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน
“รถดับเพลิงขนาดใหญ่เข้าไปไม่ได้ หากอาคารตั้งอยู่ในซอยแคบ เขตทางไม่ถึง 8 เมตร หรือผิวจรา จรไม่ถึง 6 เมตร ซึ่งจะทำให้รถกระเช้าไม่สามารถเข้าใกล้อาคารได้เพียงพอ เพราะขาหยั่งไม่สามารถกางได้เต็มที่ ทำให้ไม่สามารถยกกระเช้าขึ้นได้อย่างปลอดภัย ในบางกรณีรถดับเพลิงอาจ“เข้าไม่ได้เลย” หรือ “ต้องจอดไกลเกินกว่าจะฉีดน้ำถึง” ทำให้เกิดผลกระทบและความไม่ปลอดภัย”
ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การแก้ไขหรือ ปรับปรุงกฎหมายต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะและประชาชน ขณะที่การแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ในครั้งนี้ทำให้เกิดการสร้างอาคารขนาดใหญ่จำนวนมากในซอยเล็กซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงลบและสร้างภาระให้กับประชาชนเป็นร่างกฎกระทรวงที่ใช้การไม่ได้อันตรายมาก เพราะจะรวมเอาเขตทาง คูน้ำหรือเสาไฟฟ้าที่ขวางการจราจร มานับเป็นผิวทางจราจร ทำให้ผิวถนนไม่ถึง 6 เมตร
“ในปัจจุบันที่บังคับใช้อยู่ กทม.ได้ตีความเข้าข้างตึกสูงอยู่แล้ว ให้ใช้กำแพงชนกำแพง แต่เมื่อแก้ไขกฎหมาย คำว่า“อื่นๆ” จะทำให้มีสิ่งกีดขวางรอบอาคาร ตลอดจนถนนทางเข้าอาคารสูงมีขนาดเล็กไม่ถึง 6 เมตร จนรถดับเพลิงให้ช่วยเหลือ กรณีเกิดภัยพิบัติไม่ได้ จึงอย่าแก้กฎหมายให้เลวลงเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วตึกสูงจะถูกยัดเข้าไปในซอยแคบโดยเฉพาะในเขตกทม.”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี